พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในอนาคต โดยระบุว่าสถานภาพยังเป็นแค่สมาชิกพรรค แต่ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานที่มีปัญหามานานแล้ว และเข้าใจว่ารัฐบาลก็คงมีความรู้สึกเข้าใจเช่นกัน
สำหรับบทบาทการทำหน้าที่โซ่ข้อกลางในการสร้างความสมานฉันท์นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สื่อมวลชนเป็นคนบอกเองว่าโซ่สนิมขึ้นหมดแล้ว และโซ่ข้อกลางนั้นต้องมีความแข็งแรงมาก เหมือนกับองค์การสหประชาชาติที่มีความเป็นกลาง แม้ว่าตนเองเป็นผู้เสนอเรื่องโซ่ข้อกลางเป็นทางออกแก้ปัญหา แต่ขณะนี้คงทำไม่ไหวจริงๆ จึงต้องเลือกวิธีมาอยู่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่ขัดแย้งเพื่อทำให้เกิดการกระทำที่เป็นประโยชน์กับประชาชนซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวอีกถึงกระแสข่าวที่ว่าถูกวางตัวให้เข้าไปมีบทบาทในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่มีโอกาสเข้ากราบ พล.อ.เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ แม้ว่าอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันในบางเรื่อง แต่ก็ต้องเข้าใจ เพราะพล อ.เปรม เป็นผู้ใหญ่ ในขณะที่เด็กต้องให้ความเคารพซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย
"ขนาดคนเอาปืนมาจะยิงกันตายยังคุยกันได้ นี่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่อาจจะต้องใช้เวลามากบ้างน้อยบ้าง และเมื่อวันนี้จำเป็นต้องไปกราบไปพบท่านก็ต้องไป ให้ความรักความเคารพท่านเหมือนเดิม" พล.อ.ชวลิต กล่าว
ส่วนการช่วยประสานในปัญหาความขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)นั้น ตนเองพร้อมทำเท่าที่ทำได้ เพราะเชื่อว่าทั้งสองคนมีความปรารถนาดีต่อส่วนรวม มีเจตนารมย์ที่ต้องการทำเพื่อส่วนรวมเพื่อพรรค และวันนี้เรื่องได้จบแล้ว เป็นเรื่องเล็กๆไม่ใช่เรื่องใหญ่
"ทั้งคู่ก็ปรารถนาดีต่อส่วนรวม เมื่อได้เจอ ร.ต.อ.เฉลิมก็ได้บอกไปว่าขอโทษแทนอีกฝ่ายด้วย และเมื่อได้เจอกับคุณวิทยาก็บอกไปว่าขอโทษแทนร.ต.อ.เฉลิมด้วย"แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าว