นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเดินทางเยือนอินโดนีเซียวันนี้ เพื่อเข้าพบกับประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโย ของอินโดนีเซีย เพื่อหารือเรื่องการรับมือกับผู้อพยพที่ต้องการจะเดินทางเข้าไปอาศัยอยู่ในออสเตรเลียเกือบ 2,000 คนตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นายกฯออสเตรเลีย พร้อมด้วยนายสตีเฟน สมิท รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย จะได้เข้าร่วมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดียุดโดโยโนในวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการเดินทางเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ชาวอินโดนีเซียถูกตั้งข้อหาการลักลอบลำเลียงผู้คนเข้ามาในประเทศออสเตรเลีย
บลูมเบิร์กรายงานว่า รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า ทางการอินโดนีเซียเองก็รู้ดีว่าปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับภูมิภาค ไม่เพียงแต่ชาวอินโดนีเซียและชาวออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาสำหรับประเทศพันธมิตรอื่นๆในภูมิภาคด้วยเช่น มาเลเซีย
รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวต่อไปว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคต่างร่วมงานกันอย่างแข็งขันเพื่อลดจำนวนการลักลอบส่งผู้อพยพ
ออสเตรเลียกำลังพยายามขอความช่วยเหลือจากอินโดนีเซีย เพื่อลดจำนวนผู้อพยพที่ต้องการเดินทางมายังน่านน้ำของออสเตรเลียโดยทางเรือ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านของออสเตรเลียก็ออกมากล่าวหารัฐบาลว่า ผ่อนปรนมาตรการควบคุมบริเวณชายแดน หลังจากที่มีเรือผู้อพยพยถึง 40 ลำที่บรรทุกผู้ลี้ภัยเกือบ 2,000 คนพยายามเดินทางไปยังออสเตรเลียแต่ถูกสกัดได้เสียก่อนในทะเลเมื่อเดือนส.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งผู้อพยพส่วนใหญ่จะเป็นชาวศรีลังกาหรืออัฟกานิสถาน ซึ่งลักลอบเดินทางออกไปผ่านทางจุดตรวจที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ข้อตกลงที่อาจจะมีการจัดทำขึ้นอาจจะประกอบด้วยการขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ศูนย์กักกันและการพัฒนาความร่วมมือด้านข่าวกรอง
เมื่อต้นเดือน กองทัพอินโดนีเซียสามารถสกัดเรือผู้อพยพชาวศรีลังกาได้ประมาณ 260 คน และผู้อพยพเหล่านี้ก็ไม่ยอมทิ้งเรือไปหน และจอดเรืออยู่ที่ท่าเมรัคในชวาตะวันตก