ประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโดโยโนของอินโดนีเซีย ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 2 แล้วในวันนี้ ที่อาคารรัฐสภา หลังจากที่เขาได้รับชัยชนะถล่มทลายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยยุดโดโยโนจะดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 5 ปี
สำหรับแขกผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมพิธีในวันนี้รวมไปถึงผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ของออสเตรเลีย นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายนาจิบ ราซัก ประธานาธิบดีมาเลเซีย สุลต่านฮัสซานัล โบเกียห์ แห่งบรูไน ประธานาธิบดีโฮเซ รามอส-ฮอร์ตา ของติมอร์ตะวันออก และผู้แทนพิเศษจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา
เมื่อปี 2547 นายยุดโดโยโนกลายเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนแรกที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน หลังจากสิ้นสุดยุคผู้นำเผด็จการซูฮาร์โตที่ปกครองประเทศมานานถึง 32 ปี โดยหลังจากการล่มสลายของซูฮาร์โต อินโดนีเซียได้มีประธานาธิบดีที่เป็นพลเรือนขึ้นมาปกครองประเทศก่อนยุดโดโยโน แต่ประธานาธิบดีทั้ง 3 ท่านนี้ไม่ได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน แต่มาจากการเลือกผ่านรัฐสภา
ยุดโดโยโนวัย 60 ปีมีกำหนดจะประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ และรัฐมนตรีชุดใหม่จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี และจะมีการนัดประชุมครม.ชุดใหม่ครั้งแรกในวันศุกร์นี้
ประธานาธิบดียุดโดโยโน และโบดิโอโน รองประธานาธิบดี ผู้เป็นนักวิชาการด้านเศรษฐกิจและเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย ได้รับการยกย่องนับถือในหมู่นักลงทุนและนักธุรกิจว่าจะช่วยผลักดันการปฏิรูปต่างๆในประเทศในระยะเวลาอีก 5 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง
โดยยุดโดโยโนประกาศหลังชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค.ว่าจะเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจอินโดนีเซียให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
"เราต้องเพิ่มความพยายามในการคงแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตัวที่เป็นบวกในปีนี้ และเพื่อควบคุมอัตราว่างงาน" นายยุดโดโยโนกล่าว
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวว่า แม้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียกำลังไปได้สวยท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่เขาก็จะยังให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับแรก เนื่องจากวิกฤตยังไม่สิ้นสุด
นอกจากนี้ เขาก็ยังไม่ลืมว่าจะต้องดำเนินแผนการเดิมที่ได้เริ่มต้นไว้เมื่อ 5 ปีก่อนเมื่อเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกให้แล้วเสร็จ ซึ่งแผนดังกล่าวประกอบด้วย การบริหารปกครองประเทศด้วยหลักธรรมาภิบาล การเดินหน้าปฏิรูประบบราชการ การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น และการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
เขายังวางแผนกระจายอำนาจจากศูนย์กลางและส่งเสริมการปกครองตนเองในแต่ละภูมิภาค ตลอดจนเร่งการพัฒนาในท้องถิ่น และสานต่อโครงการบรรเทาความยากจน