นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ทางพรรคได้มอบหมายให้ยื่นกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้กรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ใช้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แกนนำพรรค เป็นตัวละครโจมตีพรรค โดยระบุว่าผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคควรไตร่ตรองให้รอบคอบ มิฉะนั้นจะเป็นคนทรยศชาติ
นายจตุพร กล่าวว่า คำกล่าวของ พล.อ.เปรม ถือเป็นการกระทำที่ผิดรัฐธรรมนูญที่ห้ามองคมนตรีฝักใฝ่การเมือง รวมทั้งผิดกฎหมายอาญาประกอบรัฐธรรมนูญ ตลอดจนแทรกแซงกระบวนการประชาธิปไตย ในเบื้องต้นนั้นได้มีคนไปแจ้งความเอาผิด พล.อ.เปรมแล้ว ดังนั้นจึงต้องการทราบว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนกรณีที่กลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10)สมัครเป็นสมาชิกพรรค ถือเป็นเรื่องที่ควรเอาแบบอย่าง เนื่องจากต้องการลงเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย แตกต่างจากกลุ่มที่ลากรถถังออกมาเพื่อหวังเข้าสู่อำนาจ ซึ่งกลุ่ม ตท.10 คงต้องเดินตามนโยบายของพรรค และเชื่อว่าจะช่วยสร้างความแข็งแรงให้พรรคเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด
สำหรับกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีคนปล่อยข่าวในตลาดหลักทรัพย์นั้น ถือเป็นสิ่งไม่บังควร ดังนั้น คนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ควรสอบสวนว่าใครได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ แล้วสืบสาวต่อไป เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และทางกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะอภิปรายเรื่องนอกสภาในวันที่ 24 ต.ค.52 และจะเปิดโปงเรื่องที่ รมว.คลัง จัดตั้งกองทุนต้นโพธิ์ฟันที่หมู่เกาะเคย์แมน โดยตั้งข้อสังเกตว่าหากต้องการทำธุรกิจโดยบริสุทธิ์ใจ ทำไมจึงต้องจดทะเบียนตั้งบริษัทที่นั่น
นายจตุพร กล่าวถึงจุดยืนของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า ในวันพรุ่งนี้แกนนำ นปช.จะหารือและแถลงจุดยืนขั้นสุดท้าย แต่ในเบื้องต้นความเห็นค่อนข้างตกผลึกแล้วว่าจะไม่มีการไปล้มหรือขัดขวางการประชุม เนื่องจากป้าหมายคือการล้มรัฐบาลและล้มระบบอำมาตย์ตามวิถีทางประชาธิปไตย ดังนั้น รัฐบาลอย่าคิดมากและตื่นเต้นจนทำให้คนตกใจกลัวเกินเหตุ
ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าจะดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้นำอาเซียนนั้น เป็นเพียงความตั้งใจจะไปเพียงกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 1 คันรถตู้ ส่วนนายอริสมันต์จะยื่นหนังสือจริงหรือไม่ ต้องรอมติจากที่ประชุมกลุ่มก่อน
นอกจากนี้ จะได้ทวงถามรัฐบาลถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาแล้ว 5 ครั้ง โดยไม่มีการขออนุญาตจากรัฐสภาและวุฒิสภาตามระเบียบ มีการใช้อัตรากำลังพล 1.8 หมื่นคนในกทม.และที่ชะอำ-หัวหินอีก 1.8 หมื่นคน แต่การชุมนุมเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีกำลังมาปฏิบัติหน้าที่เพียง 6,000 นาย อ้างว่าอีก 12,000 นาย อยู่รอสแตนด์บายอยู่ แต่กลับเบิกงบประมาณกันเต็มจำนวน 259 ล้านบาท