การที่สหรัฐพยายามกดดันอิหร่านให้หยุดพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ด้วยการจำกัดการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอิหร่านอาจส่งผลเพียงน้อยนิด เนื่องจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอีกหลายประเทศยังเต็มใจส่งน้ำมันให้อิหร่าน
คลิฟฟ์ คุปชาน นักวิเคราะห์ระดับสูงจากบริษัทที่ปรึกษา ยูราเซีย กรุ๊ป ในนิวยอร์ก กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศเมื่อวานนี้ จะให้ผลในวงจำกัดหากนานาประเทศไม่ทำตาม
"มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอาจทำให้เกิดความยุ่งยากบ้าง แต่ไม่สามารถทำอะไรเศรษฐกิจอิหร่านได้" คุปชาน กล่าว "การคว่ำบาตรอยู่ฝ่ายเดียวไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากยังมีอีกหลายบริษัทในอีกหลายประเทศที่พร้อมส่งน้ำมันให้อิหร่านตามเดิม"
ในแต่ละปีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ส่งออกน้ำมันเบนซินให้อิหร่านเป็นมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 75% ของยอดนำเข้าทั้งหมด ขณะที่จีนเองก็แสดงเจตจำนงว่าต้องการส่งน้ำมันให้อิหร่าน ดังนั้นมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐจึงให้ผลได้ยาก
ทั้งนี้ อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ต้องนำเข้าน้ำมันเบนซิน 1 ใน 3 ของทั้งหมดเนื่องจากไม่สามารถกลั่นน้ำมันได้เอง และน้ำมันกว่า 3 ใน 4 ที่อิหร่านนำเข้าต้องส่งผ่านทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน