นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการไทยกำลังรอคำยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงประเทศกัมพูชาตามที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานหรือไม่ หากได้รับคำยืนยันก็จะมอบหมายให้อัยการสูงสุดทำเรื่องขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยทันที
"เมื่อกระทรวงต่างประเทศยืนยันชัดเจนแล้วว่า อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในกัมพูชา จะมอบให้อัยการสูงสุด ดำเนินการขอตัวกลับ...หากยืนยันสถานที่ได้วันนี้ ก็สามารถส่งเรื่องได้วันนี้เลย"นายปณิธาน กล่าว
โฆษกรัฐบาล ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้รับทราบการยกเลิกบันทึกข้อตกลง(MOU)ไทย-กัมพูชาที่จัดทำไว้เมื่อปี 44 ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาต่อไป เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลจะดำเนินการโดยการยุติบทบาทที่เกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ ตาม MOU เท่านั้น
"การยกเลิก MOU เป็นหน้าที่ของสภาฯ เพราะถือว่า MOU เป็นสนธิสัญญาที่สภาเคยเห็นชอบไว้ ฝ่ายบริหารไม่มีอำนาจที่จะไปยกเลิก แต่การยุติที่จะ action ตาม MOU เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารสามารถทำได้" นายปณิธาน กล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการยกเลิก MOU ดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน เนื่องจากในรอบ 8 ปีที่ผ่านมาหลังทำข้อตกลง MOU มีความคืบหน้าเรื่องนี้น้อยมาก ทั้งเรื่องการปักปันเขตแดนก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
ส่วนเจรจาพัฒนาพื้นที่ร่วมฯ เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ได้มีเงื่อนไขใหม่ หลังจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งไทยจะใช้เหตุผลดังกล่าวชี้แจงกับกัมพูชาและนานาชาติ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะมีการยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา ฉบับอื่นอีกหรือไม่ กระทรวงการต่างประเทศจะรับพิจารณาต่อไป