นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทยเข้าชี้แจงกับทางสำนักข่าวไทม์ส ออนไลน์ หลังจากเผยแพร่บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และทางการไทยจะส่งหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอเทปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หากมีเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ล่าสุดได้หารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งจะต้องดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1. รัฐบาลต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพราะเรื่องนี้กระทบสถาบันเบื้องสูงและประชาชนคนไทย เอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนได้เข้าชี้แจงกับไทมส์ออนไลน์แล้ว และจะทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
และ 2. พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า ไทม์ส ออนไลน์ ลงข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง สำนักนายกรัฐมนตรีอาจจะทำหนังสือพร้อมลงนามส่งไปยังหนังสือไทม์ เพื่อประสานขอเทปการให้สัมภาษณ์ทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่าเป็นไปตามที่ไทม์สฯ เผยแพร่จริงหรือไม่ หรือเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหา เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นผู้บิดเบือนข้อเท็จจริง
“หากได้เทปนั้นมาเราจะสามารถพิสูจน์เจตนาของคนที่พูดได้ว่าต้องการอะไรกันแน่ หากเป็นไปตามที่ไทม์สฯ เสนอจริงเราจะต้องมาดูว่าผิดกฏหมายอะไรบ้าง ซึ่งต้องตรวจสอบ เพราะขณะนี้เราอ่านจากไทม์ส ออนไลน์เท่านั้น และถูกอ้างจากตัวคนให้สัมภาษณ์ว่าบิดเบือน ดังนั้นตัวที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดคือเทปเสียง"นายสาทิตย์ กล่าว
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า หนังสือขอเทปสัมภาษณ์จะส่งไปวันนี้ แต่เบื้องต้นสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอนมีการประสานงานไปแล้ว ซึ่งทางการไทยเชื่อว่าไทม์สฯ ในฐานะที่เป็นสื่อที่มีมาตรฐานระดับโลก อีกทั้งเรื่องดังกล่าวมีความกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ดังนั้นจึงน่าจะได้รับความร่วมมือ
ส่วนตัวเนื้อหาการให้สัมภาษณ์จะเข้าข่ายขัดต่อพ.ร.บ.ความมั่นคง หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ฝ่ายกฏหมายต้องตรวจสอบ ขณะนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เท่าที่อ่านเนื้อหาเชื่อว่าหลายคนคงเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นการไม่เหมาะสมมาก และเป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่ เป็นเจตนาที่มีการจาบจ้วง
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีการดูแลเว็บไซด์ที่มีหมิ่นเหม่อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ไอซีที)ดูแลอยู่แล้ว เพียงแต่การดำเนินการต้องปรากฏข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีลักษณะผิดกฎหมายจริง จึงจะใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จัดการได้