พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า รัฐบาลควรรีบยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ก่อนที่เรื่องใหญ่จะเกิดและจะแก้ไขปัญหาได้ยากมากขึ้น ซึ่งขณะนี้คะแนนนิยมของรัฐบาลก็อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว
"ความประสงค์จริงๆอย่างให้นายกฯยุบสภาวันพรุ่งนี้ เพราะตอนนี้เรตติ้งรัฐบาลสูง ก็อยากให้ยุบเสีย หากไปยุบหลังจากนี้เรื่องใหญ่จะเกิดแล้วจะแก้ปัญหายากขึ้นไปใหญ่"พล.อ.ชวลิต กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นคืออะไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า รัฐบาลมีปัญหาใหญ่อยู่แล้วในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และการช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ให้พ้นจากความยากจน
ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพร้อมในการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า การกลับเข้ามาสู่การเมืองอีกครั้งมีความมุ่งหมายที่จะแก้ไขปัญหาประเทศชาติที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้แก้ไข ซึ่งปัญหาที่สำคัญคือเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ความขัดแย้งระหว่างคนในประเทศ และปัญหาภาคใต้
"ที่กลับมาก็อยากเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ถูกทิ้งเอาไว้เท่านั้น และแรกเริ่มก็คิดว่าจะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น ไม่คิดจะเป็นผู้บริหารพรรค แต่เมื่อคนในพรรคสนับสนุนก็ยินดี แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือนายกรัฐมนตรี จะมาแก้ปัญหาแค่ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่งเท่านั้น นั่นคือเป้าหมาย"พล.อ.ชวลิต กล่าว
สำหรับการที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจนั้น น่าจะมีสาเหตุจากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ดีเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีโอกาสคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่ทราบว่าจะอยู่กัมพูชานานหรือไม่ แต่ความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน สมเด็จฮุนเซนเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก ตนเองยังรู้สึกอิจฉาและอยากมีเพื่อนอย่างนี้บ้าง
ส่วนการขอให้ทางรัฐบาลกัมพูชาส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาประเทศไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดในข้อกฎหมาย แต่อยากยกตัวอย่างในกรณีของนายซกเยือน ที่สมเด็จฮุนเซน ทำเรื่องขอตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศกัมพูชา โดยระบุว่าเป็นอาชญากร ประเทศไทยพิจารณาแล้วก็ยังไม่ส่งตัวกลับไปเลย
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่คนไทยคิดว่าไปอยู่ข้างศัตรูของชาติอย่างประเทศกัมพูชา พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า การจะว่าใครสักคนต้องดูอดีต ว่าผลงานที่ผ่านมามาทำอะไรมา ตลอดชิวิตที่ผ่านมาของตนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สร้างมิตรภาพกับประเทศต่างๆให้เกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ได้ทำงาน และเป็นหัวใจที่จะพิจารณาคนๆหนึ่งว่ามีเป้าหมายอะไรในอนาคต ก็ต้องดูอดีต และไม่เข้าใจว่าทำไมไปเห็นว่าเขาเป็นศัตรู แต่หากมีการมองอย่างนั้นจริงๆตนก็ไม่ทราบ คงต้องถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่าเหตุใดจึงมีการมองเช่นนั้น