นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะยังใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมทั้งระบุว่า ขณะนี้ปัญหาดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบอะไรที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศอย่างที่บางฝ่ายที่มีวัตถุประสงค์อยากให้เกิดขึ้น
พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนสมัครสมานสามัคคี อย่าหลงเชื่อข่าวลือ ข่าวลวงต่างๆ
"จุดประสงค์บางฝ่ายต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมากระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลจะยึดหลักแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่จะต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้งหรือความรุนแรงระหว่างประชาชนสองฝ่าย และยืนยันว่าทุกมาตรการที่ดำเนินการจะระมัดระวังไม่ให้กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนสองประเทศ และต้องการให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนกกับการปล่อยข่าวที่คลาดเคลื่อนที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดได้ โดยขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือกับวิธีการต่างๆที่รัฐบาลดำเนินการ ต้องการเห็นความสามัคคีของคนในชาติ ให้ทุกคนอดทด อดกลั้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังไม่มีการเพิ่มกำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังเป็นปกติ และปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพราะยังมีการค้าขายตามแนวชายแดนเป็นไปตามปกติ
สำหรับมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อไป จะมีการทบทวนความร่วมมือต่างๆ กับกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศ โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่สนใจจะเล่มเกมกับกัมพูชา แต่ขอทำหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศและยึดประโยชน์ส่วนรวม ไม่เอาตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งในการดำเนินการ แต่จะยึดหลักสากล
"เราก็ใช้รูปแบบตามสากล การตะโกนเสียงดังไม่ใช่แปลว่าแข็ง บางทีทำอะไรเงียบๆ ได้ผลมากกว่า และเรื่องนี้จะไม่นำไปสู่การพูดคุยในระดับอาเซียน"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมรับตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศในฐานะใดก็ได้ ภายหลังนายฮุนเซ็นให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมจะส่งตัวกลับแต่ไม่ใช่ในฐานะนักโทษ
"ที่จริงคำขอไปเป็นเรื่องการดำเนินการตามข้อตกลงสากล ท่าน(นายฮุนเซ็น) จะส่งมาให้ฐานะอะไรก็ได้ เราก็รับในฐานะที่ระบุไว้ในกฎหมาย" นายกรัฐมนตรี กล่าว