กกต.มีมติให้ศาลรธน.วินิจฉัยคุณสมบัติรมต.ของ"พฤฒิชัย" เหตุถือหุ้นเกิน5%

ข่าวการเมือง Wednesday December 2, 2009 14:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเสียงข้างมากให้นำเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจัยชี้ขาดถึงคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง อันเนื่องจากนายพฤฒิชัย มีการถือหุ้นในบริษัทเกินกว่า 5% ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ทั้งนี้นายพฤฒิชัย ได้ถือหุ้นใน 2 บริษัท คือ บริษัท ครัวราสเบอรี่ จำกัด จำนวน 200 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,000 หุ้น คิดเป็น 20% และถือหุ้นในบริษัท อีสเทอร์น ดราก้อน จำกัด จำนวน 450,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 4 ล้านหุ้น คิดเป็น 11.25% จึงถือเป็นการถือหุ้นเกินกว่า 5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

โดยในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายพฤฒิชัย ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ว่าจะได้รับประโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในบริษัททั้ง 2 แห่ง ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ประกอบมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182(7)

เลขาธิการ กกต. ระบุว่า การกระทำดังกล่าวของนายพฤฒิชัย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยเจตนา เป็นการจงใจปกปิดการถือหุ้น ส่วนข้ออ้างที่นายพฤฒิชัย ยกขึ้นต่อว่าบริษัททั้ง 2 แห่งได้เลิกกิจการไปแล้ว แต่ภายหลังตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บริษัทแห่งหนึ่งยังอยู่ขั้นตอนการชำระบัญชี และอีกหนึ่งแห่งยังไม่ได้ชำระบัญชี ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1,249 แม้บริษัทจะเลิกกิจการ แต่ก็ให้ถือว่ายังคงตั้งอยู่ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการชำระบัญชี

กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบแล้วในก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีกฎหมายที่ให้อำนาจป.ป.ช.ได้ดำเนินการต่อ ดังนั้นป.ป.ช.จึงส่งเรื่องดังกล่าวแจ้งแก่นายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธานกกต. โดยกกต.ก็มีอำนาจตามรับธรรมนูญมาตรา 182 วรรค 3 ในการเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยต่อไป



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ