สนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (อียู) มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำสหภาพยุโรปถือว่าเป็นการเปิด "ยุคใหม่" ของกลุ่มสมาชิก 27 ประเทศ
โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูได้ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงเฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้ด้วยการจุดพลุและกล่าวปราศรัยที่กรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส
โฮเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมมาธิการอียู กล่าวว่า สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง "เสรีภาพและประชาธิปไตย" ของยุโรป อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้นำอียูไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำ
นายกรัฐมนตรีเฟรดริก ไรน์เฟลด์ท ของสวีเดน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานระบบหมุนเวียนของอียูในขณะนี้ กล่าวว่า สนธิสัญญาดังกล่าวทำให้อียู "เปิดกว้างและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น"
ทั้งนี้ สนธิสัญญาลิสบอนถูกกำหนดขึ้นเพื่อช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อให้อียูมีอิทธิพลในกิจการต่างๆ ของโลกมากขึ้น นอกจากนั้นสนธิสัญญานี้ยังทำให้เกิดตำแหน่งใหม่ขึ้นมา 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ประธานอียูคนแรกที่ทำหน้าที่แบบเต็มเวลา และ หัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศ