น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่า กมธ.จะประชุมในวันที่ 17 ธ.ค.เพื่อขอให้วุฒิสภาจัดทำระบบฐานข้อมูลการเข้าประชุมและการลงมติของ ส.ว.ทุกคน และการเผยแพร่ต่อสาธารณะแบบเรียลไทม์ทางเว็บไซต์หลังจากมีการลงมติในการประชุมแต่ละครั้ง
"ทุกอาชีพเขามีประวัติการทำงาน นักการเมืองก็ต้องมี แล้วยิ่งนักการเมืองต้องมีจริยธรรมสูงมากกว่าคนธรรมดา การเข้าประชุมและการลงมติเป็นหน้าที่พื้นฐาน ส.ส. ส.ว. ก็ควรมีฐานข้อมูลตรงนี้รายคน เพื่อให้สาธารณะสามารถตรวจสอบได้" นางรสนา กล่าว
ฐานข้อมูลดังกล่าวจะเป็นแหล่งข้อมูลให้ภาคประชาชนหรือสื่อนำไปตรวจสอบต่อได้ด้วย เหมือนในเกาหลีใต้ที่องค์กรภาคประชาชนจัดทำฐานข้อมูลของนักการเมืองขึ้น ซึ่งลึกขนาดชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวพันหรือการทับซ้อนแห่งผลประโยชน์ และแสดงแบล็คลิสต์ก่อนเลือกตั้ง ทำให้คนที่โดนแบล็คลิสต์ถึง 90% ไม่ได้รับเลือก ซึ่งหากวุฒิสภาริเริ่มได้จุดนี้ก็จะเป็นการสร้างระบบข้อมูล เพื่อตรวจสอบการทำงานของสมาชิก อันจะนำมาซึ่งระบบธรรมาภิบาลที่ดีขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะเชิญเลขาธิการวุฒิสภามาหรือถึงความเป็นไปได้ จากนั้นจะทำข้อเสนอถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ดำเนินการปฏิบัติในเรื่องนี้ให้ทันก่อนเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปวันที่ 21 ม.ค.53 เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานต่อไปให้ฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติตาม
น.ส.รสนา กล่าวว่า กรณีนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับที่ฝ่ายการเมืองเสนอขึ้นเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของสมาชิกรัฐสภาด้วย เพราะการขึ้นเงินเดือนต้องให้สัมพันธ์กับการทำงานเหมือนในอาชีพอื่นที่มีระบบประเมินการทำงาน เพราะเมื่อมีข่าวจะขึ้นเงินเดือนให้ ส.ส. และ ส.ว. ประชาชนไม่พอใจมาก
หากจะให้เป็นธรรมนั้น ปกติเงินตอบแทนของสมาชิกเดือนละ 104,330 บาท แบ่งเป็นเงินประจำตำแหน่ง 62,000 บาท และเงินเพิ่ม 42,330 บาท โดยถ้าจะขึ้นค่าตอบแทนก็ไม่ควรขึ้นเงินประจำตำแหน่ง ส่วนเงินเพิ่มนั้นอาจจะเพิ่มเพดานขึ้นก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าการจะได้รับเงินต้องคำนวณจากการเข้าประชุมและการลงมติ ถ้ามาเพียง 60% ก็ได้เพียง 60% ของในส่วนนี้ ถ้าทำแบบนี้ถึงจะยุติธรรมกับประชาชนผู้เสียภาษีมาเป็นเงินเดือนให้ผู้แทน โดยกลไกตัวนี้จะทำให้เห็นภาพผลงานของสมาชิกเพิ่มขึ้นและถูกตรวจสอบจากประชาชนมากขึ้น