ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐขึ้นรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ที่กรุงออสโลว์ ประเทศนอร์เวย์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนจำนวนมาก หลังจากที่เขาเพิ่งประกาศยุทธศาสตร์ความมั่นคงในอัฟกานิสถานด้วยการส่งทหารเข้าตรึงกำลังในประเทศดังกล่าวเพิ่มอีก 30,000 นาย
โอบามากล่าวในระหว่างขึ้นปราศรัยบนเวทีประกาศรางวัล โดยยอมรับถึงความจริงที่เจ็บปวดว่า บางครั้งสงครามและความรุนแรงก็มีความจำเป็นในการรักษาสันติภาพ และปัญหาความขัดแย้งด้านกองกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถกวาดล้างได้หมด แต่เราจะหาทางใช้กำลังอย่างเป็นธรรมและใช้เท่าที่จำเป็นพร้อมทั้งยืนยันถึงคำมั่นที่ว่าจะดำเนินการปิดเรือนจำที่อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา
นอกจากนี้ โอบามาได้กล่าวเปรียบเทียบเรื่องสงครามกับสันติภาพที่เกิดขึ้นในสมัยนาซีเยอรมันของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในปัจจุบัน รวมถึงบุคคลสำคัญที่ปลูกฝังแนวคิดเรื่องสันติภาพอย่างมาร์ติน ลูเธอร์ คิง และมหาตมะ คานธี
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของโอบามาในการรับรางวัลดังกล่าวนั้น มีหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการมอบรางวัลโนเบลให้เหตุผลว่า โอบามาเป็นผู้ที่พยายามสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดองและการให้ความร่วมมือระหว่างกัน ดังนั้น การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นเสียงเรียกร้องของเราทุกคนที่ต้องการให้โอบามาดำเนินการสร้างสันติภาพให้เป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้ โอบามาได้เสนอ 3 วิธีการเพื่อสร้างสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน ซึ่งได้แก่ การสนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินการทางการทูต และการสร้างโอกาสและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ทั่วโลกยังมีปัญหาด้านความมั่นคง เนื่องจากประชาชนยังขาดปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต เพราะมีอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และที่พักอาศัยไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ผลสำรวจจากซีเอ็นเอ็นและศูนย์สำรวจความเห็นระบุว่า 80% ของชาวอเมริกันมองว่า โอบามาไม่คู่ควรที่จะได้รับรางวัลดังกล่าว