ฝ่ายค้านรุมสับผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีล้มเหลว มีแต่สร้างหนี้-คอรัปชั่น

ข่าวการเมือง Monday December 21, 2009 13:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฝ่ายค้านตั้งโต๊ะแถลงวิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีไม่มีความคืบหน้า มีแต่สร้างหนี้สินให้กับประเทศ และปล่อยให้เกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่น โดยชอบอ้างเรื่องการเมืองไม่นิ่งเป็นเป็นอุปสรรคในการทำงาน

"ฝ่ายค้านรับรู้ถึงข้อจำกัดในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล เราก็เห็นใจ แต่รัฐบาลมักจะอ้างแต่ว่าการเมืองเป็นปัญหาหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การบริหารจัดการเศรษฐกิจนั้นเราอยากเห็นการจัดการที่ดีกว่านี้ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการมากกว่านี้" นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าว

รองหัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการในส่วนที่เราคาดหวังจะเห็นว่าประเทศจะเป็นไปในแนวทางที่กำหนดไว้ คณะรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจไม่ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เหมาะกับหน้าที่ การทุจริตคอรัปชั่นก็ทำให้ประชาชนยังตั้งข้อสงสัยอยู่ สำหรับนโยบาย 99 วันของรัฐบาลจนบัดนี้ 1 ปีแล้วก็ยังไม่มีให้เห็น โดยเฉพาะการยกเลิกเงินอุดหนุนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงนโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การสร้างความสมานฉันท์ การแก้ปัญหายาเสพติด

นายปานปรีย์ กล่าวว่า รัฐบาลสร้างหนี้ให้กับประเทศไปแล้ว 530,597 ล้านบาท เงินกู้จาก พ.ร.ก. 4 แสนล้านบาทนั้นนำไปปิดหีบงบประมาณเพียง 5 หมื่นล้านบาท จึงมีเงินเหลือไปกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.5 แสนล้านบาท แต่ล่าสุด ณ วันที่ 11 ธ.ค.52 มีการเบิกจ่ายไปแค่ 21,392.96 ล้านบาท ซึ่งเป็นการไปเพิ่มทุนธนาคารของรัฐ 14,500 ล้านบาท จึงเหลือไปใช้ในการลงทุนแค่ 6,892.96 ล้านบาท เท่ากับว่ารัฐบาลใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจไปแค่ 5% จึงไม่ได้มีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้เร็ว

นอกจากนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีความพร้อม หลายโครงการเป็นโครงการที่รัฐบาลหยิบขึ้นมาทำเป็นการเฉพาะหน้า ขณะที่โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการอยู่แล้วและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เช่น โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า รัฐบาลกลับละเลยหรือตัดออกไปจากนโยบาย

ด้านกระทรวงเศรษฐกิจที่มีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงไอซีที และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังไม่เร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีนั้นรัฐบาลควรจะพูดให้ชัดว่าจะมีแนวทางอย่างไร ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแต่ไม่ดำเนินการ รวมทั้งนโยบายรัฐสวัสดิการนั้นต้องใช้งบประมาณขนาดไหน

"ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นแนวทางเศรษฐศาสตร์ที่ถูกต้อง เพราะรัฐบาลจะไปหารายได้ที่ไหนมาอุดหนุนรัฐสวัสดิการ เพราะเงินคงคลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ณ เดือนตุลาคม 2552 เงินคงคลังอยู่ที่ 274,600 ล้านบาท แต่เป็นเงินกู้(ในรูปตั๋วเงิน) ถึง 245,100 ล้านบาท ดังนั้นเงินคงคลังที่เป็นเงินสดจะมีอยู่จริงแค่ 29,500 ล้านบาทเท่านั้น" นายปานปรีย์ กล่าว

สำหรับนโยบายจำนำข้าวที่เปลี่ยนมาเป็นประกันรายได้นั้น เกษตรกรได้รับผลกระทบถ้วนหน้า เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศว่าจะประกันรายได้แต่กระทรวงพาณิชย์กลับไปตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว ทำเหมือนยังใช้ระบบจำนำอยู่เพื่อดึงราคาข้าวให้สูงขึ้น จึงสวนทางกับนโยายประกันรายได้ของรัฐบาล

ส่วนการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบรัฐบาลไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดี ไม่เข้าใจเหตุที่คนไปเป็นหนี้ว่าเกิดจากอะไร การลงทะเบียนไม่ชัดเจนว่ากลุ่มใดที่จะได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในเมืองเป็นหลัก หนี้จริงหนี้ปลอมมั่วกันไปหมด ที่สำคัญ สำนักงานเศรษฐกิจการคล้งประเมินว่า การลงทุน 65 โครงการมาบตาพุดมีมูลค่า 2.3 แสนล้านบาทที่ถูกระงับไป ส่งผลให้จีดีพีปี 53 ลดลงถึง 0.5%

"สรุปว่า 1 ปีของรัฐบาลย่ำอยู่กับที่ ไม่เดินไปไหน บางกรณียังเดินถอยหลังด้วย ถือว่าล้มเหลว นโยบายที่ประกาศไว้ไม่ได้ทำหรือทำบ้างแต่ไม่สำเร็จ ของเก่าไม่ทำแต่ของใหม่ก็ยังพูดไปเรื่อย และถ้าดูข้อมูลจากไอเอ็มเอฟและเอดีบีที่ได้รับความเชื่อถือนั้น ยังบอกว่าการฟื้นตัวของไทยในปี 2553 ต่ำสุดในภูมิภาค และจีดีพีขยายตัวเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้ว ตัวเลขของไทยติดลบมากที่สุดทั้งๆที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน้อยที่สุด" นายปานปรีย์ กล่าว

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.ในฐานะหัวหน้าสำนักงานปราบโกง กล่าวว่า ปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นการทำงานที่ล้มเหลวเพราะเป็นยุคที่การทุจริตคอรัปชันเฟื่องฟู โดยประเด็นแรกที่ทำให้เห็นการทุจริตได้มาก คือ การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชันของประเทศต่างๆ โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ(Transparency International) ตรวจสอบพบว่า ประเทศไทยได้คะแนน 3.4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน อยู่อันดับที่ 84 จากทั้งหมด 180 ประเทศทั่วโลก

"จากที่ประเทศไทยเคยอยู่อันดับที่ 80 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีการทุจริตเพิ่มมากขึ้น" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

หัวหน้าสำนักงานปราบโกง กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการต่างๆ ที่มีการทุจริต เช่น โครงการชุมชนพอเพียง โครงการรถเมล์NGV 4 พันคน ที่เปรียบเทียบได้ว่าใช้งบประมาณมากที่สามารถนำมาสร้างรถไฟฟ้าได้หนึ่งสาย โครงการต้นกล้าอาชีพ โครงการเช่ารถเข็นกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการติดกล้องวงจรปิดที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์กระทรวงสาธารณสุข โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น

"งบประมาณ1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ 1.6 แสนล้านบาท แต่การทำงานจริงกลับมีเงินตกหล่นระหว่างทางถึง 6.3 หมื่นล้านบาท เป็นการทุจริตที่เฟื่องฟูมากที่สุดในยุคนายอภิสิทธิ์ ซึ่งการทุจริตทั้งหมดเราจะรวบรวมเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขอตั้งชื่อการทุจริตทั้งหมดของรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลทุจริตอภิสิทธิ์ชน เพราะทุจริตแล้วไม่ต้องติดคุก กระบวนการต่างๆ เริ่มตั้งแต่เมื่อมีงบประมาณก็จะมีการทำโครงการของรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ โดยอ้างการเชื่อมโยงกับประชาชน จากนั้นก็จะสั่งให้ข้าราชการเป็นผู้ดำเนินการ แต่จริงๆแล้วมันมีตัวละครเข้ามามีบทบาทคือพ่อค้าที่เข้ามาได้งบประมาณโดยตรง ซึ่งไม่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการทำให้ผู้ที่รับผิดแทนคือข้าราชการประชาชนที่ดำเนินการจึงเป็นที่มาของทุจริตอภิสิทธิ์ชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ