ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้สั่งให้มีการทบทวนขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบินในประเทศใหม่ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายพยายามจุดระเบิดขณะที่เครื่องบินกำลังลงจอดที่สนามบินในสหรัฐเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน
โรเบิร์ต กิ๊บส์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในระหว่างออกรายการโทรทัศน์ทางสถานีเอบีซีและเอ็นบีซีว่า ประธานาธิบดีโอบามาซึ่งอยู่ระหว่างพักผ่อนช่วงวันหยุดคริสตมาสและปีใหม่ในฮาวาย ได้รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจากคณะทำงานด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
กิ๊บส์กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ชายชาวไนจีเรียวัย 23 ปี ซึ่งทราบชื่อว่า อูมาร์ ฟารูก อับดุลมุตอลลับ พยายามที่จะจุดอุปกรณ์ระเบิดบนเที่ยวบินของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ส ในเครือบริษัทเดลต้า แอร์ ไลน์ ที่กำลังบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และกำลังจะถึงจุดหมายปลายทางที่ดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐยืนยันว่า ชื่อของผู้ต้องสงสัยไม่ได้อยู่ในรายชื่อ "ห้ามบิน" ของสหรัฐ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นสมาชิกหัวรุนแรงของกลุ่มก่อการร้ายใดๆ แต่เมื่อเดือนที่แล้ว ได้มีการเพิ่มชื่อของเขาในรายชื่อบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังหรือจับตาดู ซึ่งหมายรวมถึงผู้ที่ถูกสืบทราบหรือต้องสงสัยว่ามีการติดต่อหรือมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับผู้ก่อการร้ายหรือองค์กรก่อการร้าย
กิ๊บส์กล่าวว่า รายชื่อเฝ้าระวังนั้นไม่ได้เป็นการรับประกันว่าบุคคลที่อยู่ในรายชื่อจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดโดยอัตโนมัติ ดังนั้นประธานาธิบดีโอบามาจึงสั่งให้ทบทวนขั้นตอนการตัดสินว่าบุคคลใดในรายชื่อที่จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ประธานาธิบดีโอบามายังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอีกครั้งว่า บุคคลที่มีสารระเบิดทางเคมีอยู่กับตัวนั้นสามารถขึ้นเครื่องที่อัมสเตอร์ดัมและบินเข้ามาสู่น่านฟ้าของสหรัฐได้อย่างไร
ทั้งนี้ การวิเคราะห์เบื้องต้นโดยสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ เผยว่า อุปกรณ์ระเบิดดังกล่าวบรรจุสาร พีอีทีเอ็น ซึ่งเป็นวัตถุระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรง และพนักงานสืบสวนยังพบเศษของกระบอกฉีดยาในบริเวณใกล้ที่นั่งของนายอับดุลมุตอลลับ ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุระเบิด