สื่อทำเนียบตั้งฉายารัฐบาล"ใครเข้มแข็ง?",นายกฯ "หล่อหลักลอย"

ข่าวการเมือง Monday December 28, 2009 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาลถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล ซึ่งดูจากประสบการณ์การทำงานที่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะ โดยมิได้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่มาจากมติส่วนรวมของสื่อมวลชน

ทว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ โดยเกิดการรัฐประหาร อีกทั้งรัฐบาลที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินหลังจากนั้นก็ทำงานไม่ครบ 1 ปี จึงไม่เข้าเงื่อนไขในการตั้งฉายารัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับเข้าสู่ระบบ และรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าบริหารราชการแผ่นดินได้ครบ 1 ปี ผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาลจึงได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2552 ดังนี้

*** ฉายารัฐบาล:ใครเข้มแข็ง?

รัฐบาลประกาศแผนพลิกฟื้นประเทศไทยให้พ้นจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ผ่านแผนปฏิบัติการ"ไทยเข้มแข็ง"เพื่อลงทุนยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่ ภายใต้ พ.ร.บ.และ พ.ร.ก.เงินกู้ รวม 8 แสนล้านบาท เมื่อโครงการนี้ไปสู่การปฏิบัติมีเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล ความไม่โปร่งใส จนเกิดคำถามว่าการสร้างหนี้เพื่อฟื้นประเทศไทย ทำให้ใครเข้มแข็ง?

*** ฉายานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี:หล่อหลักลอย

เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีภาพลักษณ์ดี หน้าตาดี การศึกษาดี มักประกาศจุดยืนและหลักการด้านประชาธิปไตย โดยเฉพาะการประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อให้ ครม.มีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย แต่เมื่อรัฐมนตรีบางคนมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายหรือเรื่องความไม่โปร่งใสกลับไม่ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง นั่นเท่ากับไม่สามารถกำกับให้กฎเหล็กมีผลใช้บังคับได้

*** ฉายานายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี:แม่นมอมทุกข์

แม้ไม่ใช่เป็นผู้ให้กำเนิดทางการเมืองแก่นายอภิสิทธิ์โดยตรง แต่ก็คอยดูแล อุ้มชู และสนับสนุนในทางการเมืองทุกอย่าง ถึงขั้นประกาศว่าความใฝ่ฝันทางการเมืองสูงสุดคือการผลักดันให้นายอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ แต่เมื่อสานฝันสำเร็จ กลับมีปัญหาหนักอกให้นายสุเทพตามแก้ไข อาทิ การแก้รัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ทำให้ผู้จัดการรัฐบาลถูกพรรคประชาธิปัตย์วิจารณ์อย่างหนักว่าตีตัวออกห่าง มัวแต่เอาใจพรรคร่วมรัฐบาล จนเจ้าต้องอยู่ในอาการอมทุกข์

*** ฉายานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี:ช่างจัดฉาก

เป็นคนสนิทของนายกฯ กำกับดูแลสื่อของรัฐ มักเปรียบเปรยว่าตัวเองเป็น "อิมเมจ เมเกอร์" พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านบวกให้รัฐบาล เป็นจอมจัดการ เช่น การจัดคิวให้นายกฯ และ ครม.ลงพื้นที่, จัดฉากให้ ครม.ออกทีวี-วิทยุ, จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล ทว่าเสียงสะท้อนกลับติดลบเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" ที่ให้ทุกจังหวัดเกณฑ์คนมาร้องเพลงชาติ แต่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องงบประมาณ เสมือนช่างที่พยายามจัดฉากให้ดูดี

*** ฉายานายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี:กั๊ก-กอบ-โกย

ขึ้นชื่อว่าเป็นรองนายกฯ จอมตรวจสอบ กั๊ก และคอยดักจับโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันอยู่เนืองๆ และถูกแกนนำพรรคร่วมตั้งสมญาว่า"ชุนละเอียด" แต่กลับสะดุดขาตัวเองเมื่อพบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากการแต่งตั้งน้องชายเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน(สพช.) ที่มีตัวเองเป็นประธาน สุดท้ายทั้งพี่และน้องก็ฝ่าแรงกดดันจากสังคมไม่ไหว จำต้องโกยออกจากตำแหน่ง แม้กระทั่งตำแหน่งตัวเองก็ต้องโกยออกไปเป็นเลขาธิการนายกฯ

*** ฉายานายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ:ไส้ติ่งรัฐบาล

เป็นอดีตนักการทูตที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาล จากการเป็นดาวไฮปาร์คบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ แต่กลับไม่ยอมใช้วาทศิลป์ทางการทูตเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ตรงกันข้ามถูกวิจารณ์ว่าปากเป็นพิษ โดยเฉพาะการเปรียบเปรยนายกฯกัมพูชาว่าเป็น"แก๊งสเตอร์" จึงเปรียบเสมือนเป็น "ไส้ติ่ง" ที่แม้จะอยู่ในร่างกายได้แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดีไม่ดีพอเกิดการอักเสบขึ้นมาจะเป็นโทษต่อร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตด้วย

*** ฉายานางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์:เจ้าแม่แพ้หน้าเน็ต

เป็นรัฐมนตรีหญิงที่มีบทบาทสำคัญใน ครม.เพราะพยายามผลักดันโครงการของพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เข้าสู่ ครม.ตลอดเวลา อาทิ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การปรับเปลี่ยนระบบการจัดงบเพื่อบริหารสินค้าเกษตร ฯลฯ แต่ถูกแกนนำรัฐบาลรุมเตะสกัด ทำให้บางโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ บางครั้งถึงกับร่ำไห้กลางวงประชุม ครม. เปรียบเสมือนนักตบลูกหนังที่แค่ตั้งท่ายังไม่ทันตบ ก็ติดบล็อกหน้าเน็ตจากฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว

*** ฉายานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย:สตั๊นท์เฒ่าเฝ้าเก้าอี้

สิงห์เฒ่าวัย 73 ปีผู้นี้ได้เข้ามารั้งเก้าอี้ มท.1 พร้อมตำแหน่งหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) แทนบุตรชายที่อยู่ในบ้านเลขที่ 111 การเป็นรัฐมนตรีถูกมองว่าเป็นการแสดงบทตามที่ลูกและเพื่อนลูกอย่างนายเนวิน ชิดชอบ คอยกำกับเท่านั้น เหมือนเป็นตัวแทนมานั่งเฝ้าเก้าอี้รอตัวจริง แต่แม้จะเป็น"สตั๊นท์เฒ่า"ก็มากด้วยชั้นเชิงทางการเมือง ทำให้สามารถเฝ้าเก้าอี้ มท.1 และเก้าอี้หัวหน้าพรรคอยู่ในรัฐบาลได้อย่างเหนียวแน่น

*** ฉายานายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม:ภูมิใจ"นาย"

ไม่เคยทำงานบริหารและผ่านงานคมนาคมมาก่อน แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของนายเนวิน จึงได้รับความไว้วางใจให้คุมกระทรวงเกรดเออย่างคมนาคม จากนักการเมืองโนเนมจึงมีชื่อติดกระแสขึ้นมา การเสนอโครงการเป็นไปตามใบสั่ง"นาย"แทบทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันหลังต่อสู้กับพรรคร่วมหลายรอบ เป็นโต้โผใหญ่ในการเปิดบ้านพักที่ จ.บุรีรัมย์ ต้อนรับนายกฯ แทนลูกพี่ โดยไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาป่วน จึงถือเป็นลูกน้องที่สร้างความภาคภูมิใจให้ผู้เป็น"นาย"

*** ฉายานายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง:"ทวิต-กู้"

เป็นขุนคลังที่ประชาชนจดจำภาพการกู้เงินที่เป็นไม้ตายของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่นายกรณ์ในโลกไซเบอร์คือนักโพสต์มือ 1 ผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไฮไฟว์ มักเข้าไปอัพเดทภาพ-ข่าวของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะนั่งประชุม ครม.ก็ยังทวิตข้อความและรูปภาพให้สมาชิกได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในช่วงที่ถูกโจมตีเรื่องการทำงาน บางครั้งศรีภริยาก็ออกมาทวิตแก้ต่างให้ สมเป็นขุนคลังออนไลน์ที่มีผลงานกู้เร็วทันใจในยุคไฮ-สปีด อินเตอร์เน็ต

*** ฉายา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม:ป้อมพลัง"ป"

ชื่อเล่นเขาคือ"ป้อม" ได้เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีความชัดเจนว่าเป็นโควตาของกลุ่มการเมืองใด ไม่ใช่สายตรงประชาธิปัตย์ ไม่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับภูมิใจไทย ไม่ใช่ตัวแทนของกองทัพอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ได้รับความเกรงกลัว-เกรงใจจากคนในรัฐบาลอย่างมาก ถึงขั้นปล่อยผ่านเมกะโปรเจ็คต์ของกองทัพอย่างง่ายดาย เนื่องจากมีพลัง อิทธิพล และบารมีของ"ป."แห่งกองทัพ เป็นป้อมปราการค้ำบัลลังก์และป้องกันภัยทางการเมือง

*** วาทะแห่งปี 2552:"ใครก็ตามที่ประกาศชัยชนะ ผมถือว่าคนๆ นั้นและกลุ่มคนนั้นคือศัตรูของประเทศอย่างแท้จริง"

เป็นถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2552 ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา จ.ชลบุรี ที่กล่าวไว้หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงนำมวลชนบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนและคู่เจรจาที่เมืองพัทยา และประกาศว่าเป็นชัยชนะของชาวเสื้อแดง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ