นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ตนเองได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ว่าจงใจแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 263 ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หรือไม่ เนื่องจากมีการแปลงรายการทรัพย์สินที่ดินเขายายเที่ยงจากที่เคยระบุว่าเป็นเจ้าของ เป็นแค่ซื้อสิทธิทำประโยชน์ รวมทั้งแสดงมูลค่าเกินจริงไป 1.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินขณะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ต.ค.49 และเข้ารับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เมื่อวันที่ 5 ต.ค.50 ซึ่งในส่วนของคู่สมรส คือ พ.อ.หญิง คุณหญิงจิตรวดี จุลานนท์ ได้แสดงรายการบัญชีทรัพย์สินส่วนที่เป็นที่ดินของตนเองไว้ 3 แปลง มูลค่า 7 ล้านบาท และมีสิ่งปลูกสร้าง 3 หลังมูลค่า รวม 10 ล้านบาท โดยระบุว่า มีที่ดิน ภบท.5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 21-0-0 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองไผ่ ต.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา(เขายายเที่ยง) และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ภบท.5 จำนวนหนึ่งหลัง เลขที่ 10 หมู่ 6 ต.คลองไผ่ ต.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยไม่ได้แยกราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแปลง ภบท.5 เอาไว้
ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.51 และวันที่ 5 ก.พ.52 พล.อ.สุรยุทธ์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินเมื่อพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กรณีพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี ซึ่ง พ.อ.หญิง ท่านผู้หญิงจิตรวดี ได้แสดงรายการบัญชีทรัพย์สินส่วนที่เป็นที่ดินของตนเองว่ามีที่ดินเหลือเพียง 2 แปลง มูลค่า 5 ล้านบาท จากเดิม 3 แปลง มูลค่า 7 ล้านบาท และมีสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง มูลค่ารวม 9.4 ล้านบาท จากเดิม 3 หลัง มูลค่า 10 ล้านบาท โดยที่ดินแปลงที่หายไป คือ ที่ดิน ภบท.5 เนื้อที่ 21-0-0 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองไผ่ ต.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา(เขายายเที่ยง) และสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ภบท.5 จำนวนหนึ่งหลัง เลขที่ 10 หมู่ 6 ต.คลองไผ่ ต.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
อย่างไรก็ตาม ที่ดินดังกล่าวได้แจ้งไว้ในรายการทรัพย์สินในส่วนสิทธิและสัมปทาน โดยระบุว่ามีอยู่ 1 รายการ มูลค่า 7 แสนบาท และมีคำอธิบายว่า "ซื้อสิทธิในการทำประโยชน์บนที่ดินว่างเปล่าและปลูกต้นไม้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเนื้อที่ 21 ไร่ โดยได้จ่ายเสียภาษีบำรุงท้องที่(ภบท.5) ตามกฎหมายทุกปีตลอดมา ที่ดินตั้งอยู่เลขที่ 10 หมู่ 6 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ว/ด/ป ที่ได้มา 12 พ.ย.2545" พร้อมกับระบุหมายเหตุไว้ว่า 1.ที่ดินแปลงนี้มิได้ใช้ทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น รีสอร์ท หรือ ร้านอาหาร ฯลฯ แต่อย่างใด 2.ที่ดินแปลงนี้ มิได้มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย หรือมีกรรมสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของ
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินทั้ง 4 ครั้งข้างต้น ทำให้เข้าใจได้ว่าในการยื่นบัญชีทรัพย์สินส่วนของที่ดินแปลง ภบท.5 จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 21 ไร่ บนเขายายเที่ยง ควรมีมูลค่าที่แสดงไว้เป็นเงิน 2 ล้านบาท แต่กลับระบุในบัญชีทรัพย์สินที่เป็นสิทธิและสัมปทานในราคาเพียง 7 แสนบาท แสดงให้เห็นว่า มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินส่วนที่เป็นที่ดินเมื่อคราวรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยนั้นสูงกว่าคราวเมื่อพ้นจากตำแหน่งเป็นจำนวนเงิน 1.3 ล้านบาท
การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ แสดงทรัพย์สินบนเขายายเที่ยงว่า เป็นสิทธิและสัมปทาน โดยมีหมายเหตุว่า ที่ดินแปลงนี้ มิได้มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย หรือมีกรรมสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของ ก็แสดงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ย่อมต้องรู้ว่า ที่ดินดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินของตนเองที่จะนำมาตีมูลค่าแล้วนำมาแสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินของตนเองได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข่าวในสื่อมวลชนในวันที่ 12 ม.ค.53 ที่ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า พื้นที่ที่ครอบครองมีความผิดตามกฎหมาย พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ในแง่ที่เป็นความผิดต่างๆ ตนเองไม่ได้ทราบในรายละเอียดมากนัก
ดังนั้น การนำที่ดินแปลงดังกล่าวมายื่นแสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินทั้งในประเภทที่ดิน หรือในประเภทสิทธิและสัมปทานในแต่ละคราวโดยมีการแสดงมูลค่าของทรัพย์สินด้วยนั้นอาจจะเป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จได้ รวมทั้งการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.สุรยุทธ์ ว่า มีสิทธิและสัมปทานในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยระบุว่า ซื้อสิทธิในการทำประโยชน์บนที่ดินว่างเปล่าและปลูกต้นไม้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและอาศัยหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่นั้น สิทธิ ที่ระบุว่า ซื้อมานั้น ควรถือเป็นค่าใช้จ่ายในการครอบครองที่ดินต่อจากผู้ขายสิทธิที่กระทำกันเองมากกว่าที่จะอ้างว่าเป็นสิทธิหรือสัมปทานตามความในแบบการยื่นบัญชีทรัพย์สิน เพราะถ้าเป็นสิทธิในการใช้ที่ดินแปลงดังกล่าวก็ควรจะเป็นการได้ใช้สิทธิการเช่าที่ดินแปลงดังกล่าวจากหน่วยงานของรัฐคือกรมป่าไม้ ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวปัจจุบันยังเป็นของรัฐและถ้ายังไม่มีการเช่าเพื่อทำประโยชน์จากกรมป่าไม้โดยชอบ เอกชนจะนำไปกล่าวอ้างว่า เป็นทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าของตนเองหาได้ไม่ การนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสิทธิกันเองระหว่างบุคคลบนที่ดินของรัฐตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.45 มาแสดงเป็นทรัพย์สินมีมูลค่าของคู่สมรสอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดในประเภท และมูลค่าทรัพย์สินตามมาได้นั้น
การกระทำดังกล่าวอาจเข้าลักษณะการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 263 วรรคหนึ่งซึ่งบัญญัติว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยต่อไป