นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้(23 ม.ค.) ว่า การประชุมที่ผ่านมานั้นยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากในที่ประชุมได้ขอให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการแก้รัฐธรรมนูญในวันอังคารหน้า (26 ม.ค.)
โดยการประชุมที่ยังไม่ได้ข้อสรุปและยังไม่มีการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยของแต่ละด้านนั้น เป็นเรื่องปกติทั่วไปของการประชุม และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด และมั่นใจว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นปมขัดแย้งในรัฐบาล
ด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวถึงการที่พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคเพื่อไทย นัดหารือร่วมมติการแก้ไข รัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 25 ม.ค. ว่า เบื้องต้นทราบว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา มีนัดกับหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคฯ เพื่อที่จะพูดคุยหารือถึงภาพรวมและสถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"ส่วนตัวคิดว่าพื้นฐานของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ.นั้นต้องมองประเทศชาติ มองประชาชนเป็นหลักก่อนว่า สิ่งที่ตัดสินใจไปนั้นประเทศชาติ ประชาชนจะได้ผลประโชยน์โดยส่วนรวม ส่วนนักการเมืองก็เหมือนนักกีฬาก็ต้องเล่นตามกติกา กำหนดกติกาก่อนแล้วค่อยไปเล่น ฉะนั้นต้องมีการทำความกันแล้วขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากว่า เสียงข้างมากเอากันอย่างไร ก็ต้องเคารพเสียงข้างมาก แต่สำคัญที่สุดต้องฟังเสียงประชาชน ฉะนั้นในแต่ละพรรคจะต้องลงกันอย่างไร ยังไม่ทราบ " นายสุวัจน์ กล่าว
โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรจะเริ่มต้นด้วยบรรยากาศของความขัดแย้ง เพราะปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศมีมากอยู่แล้ว และการแก้ไข รธน.ก็จะให้เป็นกลไกที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หรือเสริมสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ ทุกคนควรเปิดใจกว้างและฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายแล้วช่วยกันคิด
ต่อข้อซักถามว่ามีโอกาสเรื่องขู่ตีรวนเปลี่ยนขั้วหรือไม่ นายสุวัจน์ฯตอบว่า ตนประเมินว่าวันนี้มันได้เปลี่ยนมาแล้วหลายครั้งเรื่องขั้ว ถ้าเปลี่ยนอีกครั้งก็คงจะวุ่นวาย ส่วนตัวมองว่า ไม่น่าจะมีเรื่องการเปลี่ยนขั้ว ส่วนเรื่องการปฏิวัติ จะมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ฯตอบว่า คิดว่า ทุกคนไม่อยากเห็น และทุกคนก็คงไม่อยากทำ ตนมองอย่างนั้น เพราะจะทำให้มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่คาดคิดถ้าเกิดแล้วมันจะมีผลกระทบระยะยาวต่อภาพรวมของประเทศ ภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นคิดว่า ทุกฝ่ายคงไม่อยากเห็นกันในเรื่องนี้