ที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้เดินหน้าพิจารณาถอดถอน นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดกรณีเห็นชอบให้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่ามีมูลส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 และมีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
เรื่องดังกล่าวเคยบรรจุในวาระครั้งแรกตั้งแต่เดือน ต.ค.52 แต่ประธาน ส.ว.ได้แจ้งให้รับทราบว่าได้หยุดดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายนพดลพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ต่อมาภายหลังนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา ได้เสนอต่อที่ประชุมว่าควรให้มีการดำเนินการต่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270-274 เพราะหากวุฒิสภามีมติถอดถอนจะทำให้มีโทษห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีด้วย โดยในส่วนของนายสมัครนั้นที่ประชุมฯ เห็นควรให้ยุติการพิจารณา เนื่องจากนายสมัครได้ถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว
สำหรับกรณีของนายนพดลนั้น ที่ประชุมฯ เห็นว่าสามารถเทียบเคียงได้กับกรณีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงเห็นควรให้ยึดบรรทัดฐานมติการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ผ่านมา คือ ต้องดำเนินการถอดถอนต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้แจ้งขั้นตอนต่อจากนี้ตามข้อ 117 ให้นัดประชุมภายใน 15 วัน หลังจาก ส.ว.ได้รับเอกสารสำนวนจาก ป.ป.ช.โดยนัดประชุมครั้งแรกวันที่ 19 ก.พ.เพื่อกำหนดวันแถลงของ ป.ป.ช.และผู้ถูกกล่าวหา และนัดประชุมครั้งที่สองวันที่ 26 ก.พ.เพื่อให้ ป.ป.ช.แถลงและผู้ถูกกล่าวหาแถลงเปิดสำนวนโดยไม่มีการซักถามตามข้อบังคับข้อ 120
หากที่ประชุมฯ มีมติซักถามในประเด็นใดเพิ่มเติมให้ตั้งคณะกรรมาธิการซักถามขึ้นมาคณะหนึ่ง และนัดให้มีการประชุมวุฒิสภาภายใน 7 วันตามข้อบังคับข้อ 120 วรรคสามเพื่อให้คณะกรรมาธิการดังกล่าวซักถาม
จากนั้นจะเปิดโอกาสให้ ป.ป.ช.และผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิยื่นขอคำแถลงปิดสำนวนด้วยวาจา หรือทำเป็นหนังสือต่อที่ประชุมวุฒิสภาได้ภายใน 7 วันนับแต่วันแถลงเปิดสำนวนเสร็จสิ้นตามข้อบังคับข้อ 122 วรรคหนึ่ง และให้ประธานวุฒิสภาเรียกประชุมเพื่อลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนภายใน 3 วันนับแต่วันแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาหรือวันพ้นกำหนดให้ยื่นคำแถลงปิดสำนวนเป็นหนังสือ
อนึ่ง เมื่อ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมฯ มีมติให้เดินหน้าพิจารณาถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 โดยนัดลงมติในวันที่ 5 มี.ค.นี้