นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามดูแลสถานการณ์ที่คาดว่ากลุ่มต่าง ๆ จะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นก่อนถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เลวร้ายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.52 ส่วนหลังจากวันตัดสินคดีไปแล้ว ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็วหรือไม่
"ผมคิดว่า การเคลื่อนไหวก่อนการตัดสินจะเข้มข้น แต่คงตอบไม่ได้ว่า หลังตัดสินแล้วจะคลี่คลายได้ช้าหรือเร็ว แต่ผมคิดว่าจะมีความพยายามโหมการเคลื่อนไหวก่อนการตัดสิน" นายกฯ ระบุ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองไม่เห็นถึงปัจจัยการเคลื่อนไหวที่จะเชื่อมโยงนำไปสู่การปฏิวัติ และมองว่าการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือรัฐธรรมนูญไม่ควรจะเกิดขึ้น ส่วนไทยจะหนีการปฏิวัติได้หรือไม่ คนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด คือ ประชาชน แต่เชื่อว่าการปฏิวัติคงจะไม่เกิดขึ้น
"ผมมองไม่เห็นว่าจะมีความพยายามปฏิวัติไปทำไม เพราะมันจะมีแต่ความวุ่นวาย มีเงื่อนไข นำไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น และผมนึกไม่ออกว่าใครจะมาแบกรับผลพวงที่จะตามมาได้"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมกับระบุว่า ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวต่อกระแส หรือความพยายามที่ทำให้เกิดความแตกแยกไม่ว่าจะเป็นภายในพรรค ระหว่างพรรค หรือแม้แต่การบริหารประเทศก็ตาม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้เป็นบิดาจ้างทีมรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมนั้นว่า ไม่น่าเป็นไปได้ พร้อมระบุว่ายังเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการดูแลรักษาความปลอดภัย และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไว้ใจ ซึ่งกันและกัน
"ผมไม่ทราบว่าใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่มีอะไรน่าจะเป็นไปได้"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
และขณะนี้ยังทำงานตามปกติไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไร ครอบครัวทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร