โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยันรัฐบาลพบเบาะแสเส้นทางการเคลื่อนไหวทางการเงินเพื่อสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีกระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศ 3 วิธี
"ในฐานะที่เคยทำหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินขณะเป็นฝ่ายค้าน และได้ติดตามการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ขอยืนยันว่าข้อมูลที่รัฐบาลได้สืบเบาะแสและดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นข้อมูลที่เป็นความจริงทุกประการ" นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษก ปชป.กล่าว
โดยเส้นทางการเงินที่มีการไหลเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพบว่ามี 3 วิธี คือ 1.เข้าสู่เส้นทางการเงินที่มีการลำเลียงในระหว่างการเลือกตั้ง คือ ผ่านแนวรอยต่อชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เครือข่ายทางการเมืองขนเงินเข้ามาในลักษณะดังกล่าวเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ และเป็นเงินที่ได้มาจากการฟอกในบ่อนการพนันที่อยู่ชายแดนติดประเทศไทย
2.เข้ามาในลักษณะโพยก๊วน คือ ผ่านทางธุรกรรมของกลุ่มบริษัทที่เป็นบริษัทบังหน้าและทำธุรกรรมในลักษณะซื้อมาขายไป ที่มีสินค้าในลักษณะนำเข้าและส่งออก โดยมูลค่าเงินก็มีการตกแต่งบัญชี เพื่อที่จะเข้ามาสู่เครือข่ายการสนับสนุนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.53
และ 3.การโอนเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่า "ฟอร์เล็คทรานเฟอร์" เส้นทางการเงินส่วนนี้ก็เป็นเส้นทางการเงินที่รัฐบาลได้รับความร่วมมือตามข้อตกทั้งอนุสัญญาว่าด้วยการให้ความร่วมมือในคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และกรอบความร่วมมือในเรื่องของอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการรับรองทั้งในกรอบของอาเซียน และกรอบของเครือข่ายการฟอกเงินระหว่างประเทศ
โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า ทั้งนี้มีความผิดปกติ 3 ลักษณะ คือ 1.การโอนเงินเกินจำนวนที่กฎหมายควบคุมไว้ พบว่ามีการหลบเลี่ยงในส่วนนี้โดยการใช้บัญชีธุรกรรมที่อยู่วงเงินจำนวน แต่มีที่มาจากหลายบัญชีที่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน บัญชีดังกล่าวนั้นอยู่ในรายการการเฝ้าระวังการขนถ่ายเงินมาก่อนหน้านี้แล้ว
2.เงินที่มาโดยไม่ปรากฎที่มาชัดเจน โดยเงินเหล่านี้มาจากบริษัทนอมินีคือเป็นบริษัทที่ไม่ปรากฎว่าผู้ถือหุ้นคือใคร และเป็นเครือข่ายที่ขณะนี้มีการประสานงานเพื่อดูเส้นทางการทำธุรกรรมว่าบริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
และ 3.เงินที่ไหลเข้าสู่บัญชีที่เคยมีการติดตามตรวจสอบในอดีตที่ปรากฎอยู่ในต่างประเทศ แต่มีการเชื่อมโยงกับบริษัทที่ให้คอมพิวเตอร์ต่อเครือข่ายที่ถูกปิดในอดีตเพราะเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาในลักษณะโจมตี และหมิ่นสถาบัน
โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถลงในรายละเอียดว่าเข้าสู่บัญชีผู้ใด อย่างใด เพราะอยู่ระหว่างการสอบสวนและขยายผล แต่ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวรัฐบาลทำภายในกรอบกฎหมายภายในประเทศและกรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศทุกประการ และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องทำ
"การที่เงินเหล่านี้จะถูกใช้เป็นทรัพยากรสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเตรียมการเพื่อก่อความไม่สงบภายในประเทศต่อไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการขยายผล และรัฐบาลก็จะรายงานความคืบหน้า และให้ประชนรับทราบตามข้อเท็จจริงต่อไป" นพ.บุรณัชย์
โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า ธุรกรรมผิดปกติที่เกิดขึ้นเข้าข่ายความผิดที่สามารถสั่งอายัดบัญชีได้ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการเพราะเป็นบัญชีที่ใช้ชื่อของนอมินี และอยู่ระหว่างการสอบสวนและขยายผล