นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข่าวมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์กรณีซื้อขายตำแหน่งจากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และไม่ได้รู้สึกกังวลกับกระแสข่าวดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติที่จะถูกเพ่งเล็งการทำงานอยู่ตลอดเวลา โดยยอมรับว่าเคยนำความเห็นส่วนตัวมาใช้ในการตัดสินใจแต่งตั้งโยกย้ายบ้าง แต่ได้ทำความเข้าใจกับที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) แล้ว
"ไม่มีปัญหาคนเพ่งเล็งผมอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา มีคนเคยมาถามผมว่า"ส."หมายถึงพลตรีสนั่น(ขจรประศาสน์)หรือเปล่า ผมยังหัวเราะเลย" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ยืนยันว่า การทำงานในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ ส่วนความคิดเห็นส่วนตัวนั้นจะพิจารณาตามความรู้ความสามารถ เช่น ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.), ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.), ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.ตม.) โดยก่อนที่จะปรับเปลี่ยนก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับที่ประชุม ก.ตร.แล้ว
ส่วนกรณีที่มีการตั้งสังเกตุว่าจะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเฉพาะนายตำรวจที่มีความใกล้ชิดนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า หากจะเป็นนักการเมืองต้องไม่เป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อย ไม่เป็นคนขี้ระแวง และต้องรู้จักไว้ใจคนอื่น
"เรื่องใดสามารถชี้แจงได้ก็ชี้แจงไป แต่หากเรื่องที่ชี้แจงไปแล้วไม่มีคนรับฟังก็ไม่ต้องอธิบายอีก" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ตร.ได้พิจารณาขอร้องเรียนของนายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กล่าวหาว่า ก.ตร.ทำผิดมาตรา 157 กรณีมีมติให้รับ 3 นายพลตำรวจกลับเข้ารับราชการ ซึ่งขัดต่อการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) โดยที่ประชุมฯ เห็นว่ามีอำนาจที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ที่เปิดช่องให้ผู้ที่ถูกลงโทษสามาราถยื่นอุทธรณ์ได้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปช่วยเหลือใคร ทุกอย่างทำตามหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และ ก.ตร.ควรมีความเป็นอิสระในการทำงาน
ส่วนที่มีข่าวเตรียมพิจารณาเพิ่มตำแหน่งที่ปรึกษา สบ.10 ไว้รองรับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เพื่อรอที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.นั้น ที่ประชุมฯ ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร.ได้รายงานว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เลื่อนมาจากวันที่ 31 ม.ค.53 จะสามาถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.พ.และมีผลในวันที่ 16 ก.พ.นี้