นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า จากเหตุการณ์ซุกซ่อนระเบิดซีโฟร์ที่หน้าศาลฎีกา และการลอบยิง M79 ไปตกที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยการพระนครนั้น ไม่น่าเป็นฝีมือของคนทั่วไปที่จะสามารถทำได้ ส่วนจะเป็นคนมีสีนอกแถวหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการติดตามสถานการณ์
"อาวุธประเภทแบบนี้ เอาเป็นว่าคนธรรมดาไม่น่าจะมี...ก็ต้องติดตาม เอาเป็นว่าคนธรรมดาไม่มี(อาวุธสงคราม)หรอกครับ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่มีเหตุการณ์รถยนต์เข้ามาแทรกขบวนของนายกรัฐมนตรีนั้น หากใครมีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถส่งข้อมูลมาให้กับรัฐบาลได้ เพราะไม่อยากให้ถูกมองว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นเอง
พร้อมเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศใช้กฎหมายด้านความมั่นคงเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อดูแลสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาตามสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงในวันนี้ จะเน้นย้ำให้ทุกหน่วยราชการต้องช่วยกันกวดขันและดูแลสถานที่ของแต่ละกระทรวงอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะยังปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติแม้จะมีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาขับไล่
อย่างไรก็ดี ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ซึ่งรัฐบาลเคยประเมินเหตุการณ์ไว้แล้วว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความร้อนแรงยิ่งขึ้นเมื่อใกล้ถึงวันตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลสถานการณ์ในช่วงนี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้
พร้อมมองว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพียงแต่ขอร้องการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนให้เป็นไปตามความจริง และอย่าทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เพราะทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล, นักธุรกิจ หรือประชาชน ต่างไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในบ้านเมือง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย