คะแนนนิยมรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ แห่งญี่ปุ่นร่วงลงอย่างหนักในเดือนนี้ สวนทางกับคะแนนความไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น หลังมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีรับบริจาคผิดกฎหมายภายในพรรครัฐบาล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างผลสำรวจของจีจิเพรสส์ซึ่งระบุว่า คะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเดือนก.พ.ร่วงลงมาอยู่ในระดับ 35.7% จากระดับ 47.1% เมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนคะแนนความไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 44.7% จากระดับ 32.4%
ทั้งนี้ คะแนนนิยมดังกล่าวดิ่งลงอย่างหนักจากที่เคยพุ่งทะลุ 60% ในช่วงที่นายฮาโตยามะเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ก.ย.2552 หลังจากที่พรรคเสรีประชาธิปไตยพ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
ฮาโตยามะกล่าวถึงคะแนนนิยมที่ตกต่ำลงว่ามีสาเหตุจากประเด็นทางการเมืองและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินๆทองๆ ซึ่งรัฐบาลต้องยอมรับผลสำรวจคะแนนนิยมที่ออกมา
โดยก่อนหน้านี้ อัยการในกรุงโตเกียวส่งสำนวนฟ้องอดีตผู้ช่วย 3 รายของนายนายอิชิโร่ โอซาวะ ผู้นำเบอร์สองของพรรคดีพีเจซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในข้อหารับเงินบริจาคทางการเมืองผิดกฎหมาย และมีการบิดเบือนแหล่งที่มาของรายได้ ขณะที่นายฮาโตยามะและมารดาของเขาก็มีส่วนพัวพันเงินบริจาคดังกล่าว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจ 1,344 คนมองว่า นายโอซาวะควรลาออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน หนึ่งในผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความผิดหวังต่อการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยเขาหวังว่ารัฐบาลพรรคดีพีเจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ แต่สุดท้ายแล้วบรรดาผู้นำเหล่านี้ก็ยังข้องแวะกับคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินสินบนเหมือนๆกัน ซึ่งตนต้องการเลือกพวกเขาให้เข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในรอบ 3 เดือนที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2552 ขยายตัวในอัตรา 4.6% ต่อปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.6% ต่อปี เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นช่วยหนุนดีมานด์สินค้าส่งออกของญี่ปุ่นให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย