นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง แถลงยืนยันว่า จะไม่มีการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่หากประชาชนต้องการจะเดินทางไปที่ศาลฎีกา เพื่อฟังคำตัดสินด้วยตัวเองก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลและคงไม่สามารถจะห้ามได้
พร้อมกันนี้ แกนนำ นปช.ยังออกมาปฏิเสธว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิทหารบก(เสธ.แดง) ตลอดจนไม่ขอร่วมรับผิดชอบต่อการกระทำใดๆ ของเสธ.แดง หรือกลุ่มมวลชนใดที่เคลื่อนไหวต่อสู้ด้วยความรุนแรง
นายวีระ กล่าวว่า นปช.ยังยืนยันจะเคลื่อนไหวต่อสู้ด้วยแนวทางสันติอหิงสา จะไม่ยอมไปตกหลุมพรางที่รัฐบาลและฝ่ายอำมาตย์ขุดหลอกล่อให้ใช้ความรุนแรงปะทะด้วย ดังนั้น แม้ เสธ.แดงจะเป็นสหายร่วมรบ เป็นนักสู้เสรีชน แต่การไปแอบอ้างชื่อ นปช.และชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดโรงเรียนฝึกอาวุธคนเสื้อแดงที่สกลนคร, มุกดาหาร และศรีสะเกษ เป็นเรื่องที่ นปช.ไม่อาจยอมรับได้ เพราะนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยันแล้วว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยสั่งการให้ เสธ.แดงกระทำเช่นนั้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ นปช.ยังไม่ดำเนินการจัดการชุมนุมใหญ่ในช่วงวันที่ 26 ก.พ. เพราะได้รับเอกสารลับจากที่ประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จำนวน 37 หน้า จากนายทหารชั้นนายพลคนหนึ่งที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว ซึ่งในเอกสารมีอ้างเป็นแผนปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมทั้ง 38 จังหวัดที่มีการจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงระหว่างวันที่ 12-16 ก.พ. และตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.เป็นต้นไป
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นแผนล้อมปราบคนเสื้อแดง เพราะมีการใช้สงครามจิตวิทยา สร้างสถานการณ์ในเขตพื้นที่สำคัญ เช่น ร.พ.ศิริราช, เขตพระราชฐาน, ทำเนียบรัฐบาล, รัฐสภา, ศาล และบ้านพักองคมนตรี เพื่อให้ประชาชนใน กทม.โกรธแค้นคนเสื้อแดงและออกมาต่อต้าน รวมทั้งจะมีการแจกจ่ายหนังสือและซีดีขบวนการล้มเจ้าออกไปในจังหวัดต่างๆ จากนั้นจึงจะใช้กำลังหน่วยรบ พล.ร.2 รอ.จากปราจีนบุรี และพล.ร.9 จากกาญจนบุรี ติดอาวุธปืนเอ็ม 16 ออกมาล้อมปราบอีกที ซึ่งข้อมูลทั้งหมดตรงกับคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ ที่มีการสั่งการให้ฆ่าคนเสื้อแดงเมื่อช่วงสงกรานต์เลือด
ดังนั้น จึงขอเตือนนายอภิสิทธิ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 38 จังหวัดว่า หากคนเสื้อแดงไม่มีความปลอดภัยในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ก็อย่าหวังว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี, นายอภิสิทธิ์, บิดาของนายอภิสิทธิ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดที่กล่าวมาจะมีความปลอดภัย
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า กรณีการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 3.6 ล้านบาทจากนางกัลยาณี พรรณเชษฐ์ มารดาของนายวัชระ พรรณเชษฐ์ ไปเข้าบัญชีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นการทำธุรกรรมอำพรางฟอกบุญซิกแซกทางการเงิน เพื่อไม่ให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพล.อ.เปรม ที่รับเงินมาจากกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งไม่ได้เป็นการทำบุญจริงตามที่นายวัชระ และพล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป ออกมากล่าวปกป้อง
ทั้งนี้ มีหลักฐานการรับเงินที่ พล.ร.ท.พะจุณณ์ เป็นผู้เซ็นชื่อรับเงินแทนพล.อ.เปรม แต่หากเป็นเงินทำบุญเพื่อสร้างบ้านทักษะชีวิต ที่วัดสวนแก้วจริง เหตุใดนางกัลยาณี จึงไม่เป็นผู้จ่ายเงินเอง ทำไมต้องให้พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นถึงประธานองคมนตรีเป็นผู้รวบรวมเงินเป็นจำนวน 6 ล้านบาทไปเจรจาทำธุรกิจกับบริษัทเอ็มเอ็มเอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านดังกล่าวและผู้รับใบอนุโมทนาบัตรจากวัดสวนแก้วเสียเอง ดังนั้นเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีการเงินส่วนตัวของพล.อ.เปรม และบัญชีการเงินของมูลธินิรัฐบุรุษ