นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รายงานความเห็นให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ ต่อกรณีที่คณะกรรมาธิการร่วมรัฐสภาขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความเห็นว่าสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) จะสามารถพิจารณากรอบการใช้จ่ายเงินในโครงการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าวุฒิสภาจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาพ.ร.บ.เงินกู้ฯ ในการแก้ไขสาระในพ.ร.บ.ดังกล่าว เพื่อให้วุฒิสภาสามารถพิจารณากรอบการกู้เงินได้หรือไม่ แต่กฤษฎีกามีความเห็นว่า ในขั้นตอนการที่จะเสนอกรอบการใช้เงินให้สภาฯ พิจารณายังไม่สามารถบอกได้ว่าแนวทางปฏิบัติจะเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น จะพิจารณาทีละสภาฯ หรือจะมีการประชุมร่วม ซึ่งมีข้อสังเกตุว่าหากจะให้มีการประชุมร่วมน่าจะเกินเลยขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภา
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า ถ้ามีการตั้งกลไกในลักษณะกรรมาธิการ หรือ กรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยประธานสภานั้น คณะกรรมการกฤษฎีกามองว่าเรื่องนี้น่าจะเกินขอบเขตอำนาจที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะพิจารณาได้ อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้เกี่ยวกับการตั้งกรรมาธิการร่วมฯ
แต่ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นของกฤษฎีกาและยังไม่ได้เป็นข้อยุติ โดยจะมีการนำความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้งหมดส่งกลับไปให้กรรมาธิการพิจารณาอีกครั้ง และในขณะนี้เองช่องทางการตีความรัฐธรรมนูญ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ยกเว้นว่าจะพิจารณากฏหมายเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้สงสัยว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงจะสามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความในช่วงนั้นได้
"ยังไม่มีช่องทางที่จะส่งได้ ณ ขณะนี้เป็นปัญหาจากระบบของเราที่มีประเด็นข้อสงสัยในเรื่องของรัฐธรรมนูญ แต่ว่ากรณียังไม่เกิดจึงไม่มีช่องที่จะส่งหรือส่งได้ก็ต่อเมื่อกฏหมายพิจารณาเสร็จแล้ว และหากมีคนสงสัยว่าจะขัดหรือไม่ ค่อยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตอนนั้น" นายกฯ กล่าว