เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศในขณะนี้เข้าขั้นวิกฤต โดยเสนอแนะให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนด้วยการปฏิบัติอย่างเสมอภาคและบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อหยุดยั้งความวุ่นวายในสังคมและเป็นเสาหลักสำคัญที่คอยค้ำจุนประเทศอย่างยั่งยืน
"ประชาชนที่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศมีมากกว่ากลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่น แต่หากมองอีกด้านหนึ่งในทางสถิติพอจะสรุปได้ด้วยว่า กลุ่มคนไม่เชื่อมั่นมีจำนวนมากพอที่จะเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพของบ้านเมืองได้" นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลสำรวจภาคสนามเรื่อง เสียงสะท้อนของกลุ่มพลังเงียบที่มีต่อการพิจารณาคดียึดทรัพย์ฯ หลังเกิดข่าวลือเรื่องการติดสินบนองค์คณะผู้พิพากษา
โดยกลุ่มกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่งหรือ 52.9% ระบุไม่มีผลกระทบและยังคงเชื่อมั่นในความเสมอภาค เท่าเทียมกัน และไม่เลือกปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ 23.0% ระบุมีผลกระทบทำให้ไม่เชื่อมั่น และอีก 24.1 ไม่ระบุความคิดเห็น นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่าง 53.8% ระบุเชื่อมั่นในความเป็นอิสระ/ไม่ถูกแทรกแซงของกระบวนการพิจารณาคดีต่างๆ ขณะที่ 21.0% ไม่เชื่อมั่น และอีก 25.2% ไม่ระบุความคิดเห็น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างประมาณ 2 ใน 3 หรือส่วนใหญ่ 60.5% ในกลุ่มพลังเงียบมีความเชื่อมั่น/กล้าพูดได้อย่างเต็มที่ว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือ ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนได้มากกว่ากระบวนการยุติธรรมของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ขณะที่ 18.1% ไม่เชื่อมั่น และ 21.4% ไม่ระบุความคิดเห็น
ส่วนความคิดเห็นของตัวอย่างในการยอมรับคำตัดสินคดียึดทรัพย์ฯ นั้นพบว่า 61.4% ระบุควรยอมรับคำพิจารณา ขณะที่ 20.2% ระบุไม่ควรยอมรับ และอีก 18.4% ไม่มีความเห็น
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 87.6% เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเจริญเติบโตมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ หากคนไทยรักและสามัคคี ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ขณะที่มีเพียง 12.4% เท่านั้นที่ไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ สำรวจความคิดเห็นดังกล่าวจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,106 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 23-24 ก.พ.ที่ผ่านมา