นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ระยะเวลา 4-5 ชั่วโมงหลังจากที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว จะถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องจับตาเป็นพิเศษว่าจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงที่ประชาชนมีอารมณ์ร่วมมากที่สุดแล้ว
"หลังมีคำตัดสินแล้ว 4-5 ชั่วโมง เขา(กลุ่มเสื้อแดง)อาจจะเปิดเวทีพูดคุย ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอารมณ์จะขึ้นสูงสุด ต้องมีการเฝ้าระวังให้ดี" โฆษกรัฐบาล ระบุ
ส่วนช่วงระหว่างที่ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษานั้น รัฐบาลได้เตรียมแผนดูแลรักษาความปลอดภัยแล้ว โดยจัดระบบการประสานงานให้มากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าที่ประจำอยู่หน้าศาลฎีกา และจะมีหน่วยเฉพาะกิจที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบศาลฎีกา รวมทั้งจะมีผู้บังคับบัญชาเหตุการณ์อย่างชัดเจน หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าสู่แผนช่วงหลังการอ่านคำพิพากษา
นายปณิธาน มั่นใจว่า ในแผนรักษาความปลอดภัยดังกล่าว จะสามารถอารักขาความปลอดภัยให้แก่บุคคลสำคัญต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญในฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ
ส่วนช่วงที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่ในเดือนหน้านั้น รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทีมรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีจะขอประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะใช้แผนรักษาความปลอดภัยเหมือนช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งจะไม่มีการแจ้งหมายงานของนายกรัฐมนตรีให้ทราบก่อนล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในช่วงเช้าที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมงาน "80 ปี วันวิทยุกระจายเสียงไทย" ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่า มีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 20 คน ไปยืนโห่ร้องอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าสถานีฯ แต่ไม่มีเหตุความวุ่นวายใดๆ ขึ้น
ซึ่งกรณีนี้นายปณิธาน มองว่า หากเป็นการชุมนุมตามปกติอยู่ในขอบเขตของกฎหมายก็สามารถทำได้ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย แต่ในช่วงหลังจากมีคำตัดสินของศาลในคดียึดทรัพย์แล้ว รัฐบาลจะต้องพยายามลดเงื่อนไขที่ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกออกมาต่อต้านรัฐบาล