คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติให้นายวิทู รักษ์วนิชพงศ์ อดีตรองผู้อำนวย และนายวิเชียร นาคศรีนวล อดีตผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลประโยชน์ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทศท.)มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญา 157 ในการทุจริตจัดพิมพ์สมุดรายนามโทรศัพท์ เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างได้รับประโยชน์
อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 ม.ค.38 ทศท.ได้ทำสัญญาการจัดพิมพ์การโฆษณาสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์กับบริษัท ชินวัตร ไดเร็คทอรี่ส์ จำกัด เพื่อให้ดำเนินการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่ฉบับประจำปี 39-48 และให้จัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ เขตโทรศัพท์นครหลวงและเขตโทรศัพท์ภูมิภาค ตามการแบ่งเขตที่ ทศท.กำหนด
แต่ปรากฎว่า ต่อมานายวิเชียร ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานพิจารณาแนวทางการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ ได้มีการเสนอแนวทางการปรับปรุงการจัดพิมพ์สมุดรายนามโทรศัพท์ สำหรับเขตนครหลวง ฉบับปี 40 โดยเปลี่ยนจาก 8 เล่มใน 4 เขต เป็นเขตละ 1 เล่ม รวม 12 เขต ส่วนเขตภูมิภาค ฉบับปี 41 จากเดิมแบ่งตามเขตย่อย 5 ภาค(เขต) คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการแบ่งตามเขต AREA CODE ของทศท. แบ่งออกเป็น 20 เขตๆ ละ 1 แล่ม และแจกจ่ายให้เฉพาะผู้ใช้โทรศัพท์ในเขตที่มีหมายเลขโดยตรง ซึ่งไม่ได้แจกจ่ายให้กับเขตอื่นๆ ด้วย
จากนั้นได้เสนอให้นายจุมพล เหราบัตย์ ผู้อำนวยการ ทศท.ณ ขณะนั้นเป็นผู้ลงนามอนุมัติ แต่ปรากฏว่า นายจุมพล ไม่ได้เป็นผู้อนุมัติ แต่นายวิทู เป็นผู้ลงนามอนุมัติการแบ่งเขตการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ ตามที่คณะทำงานชุดดังกล่าวเสนอ ทั้งๆ ที่นายวิทู ไม่มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติ อีกทั้งไม่ได้นำเสนอให้คณะกรรมการ ทศท.พิจารณาให้ความเห็นชอบหรือรับทราบก่อนอนุมัติ
ต่อมานายวิเชียร ได้มีหนังสือให้ทางบริษัท ชินวัตรฯ ดำเนินการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์เขตนครหลวง ฉบับปี 2540 และเขตภูมิภาค ฉบับปี 2541 ซึ่งผิดไปจากสัญญาฉบับบวันที่ 27 ม.ค.38 และไม่เป็นไปตามที่นายจุมพลอนุมัติไว้ เป็นเหตุให้ทางบริษัท ชินวัตรฯ ได้ประโยชน์ โดยสามารถลดค่าใช้จ่ายการผลิตสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ เนื่องจากกระดาษที่ใช้พิมพ์ลดลง พิมพ์เล่มเล็กลง ค่าขนส่งลดลง และเป็นเหตุให้ทศท.ได้รับความเสียหาย
ดังนั้น คณะกรรมการป.ป.ช.จึงให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับบุคคลทั้งสอง ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 และ มาตรา 97 แล้วแต่กรณีต่อไป