"เรืองไกร"เตรียมขอข้อมูลตรวจสอบ"กัลยา"เพิ่ม เล็งไล่สอบ รมต.ซุกหุ้น

ข่าวการเมือง Tuesday March 2, 2010 11:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเรืองไร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา กล่าวถึงการเตรียมการเพื่อยื่นตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า ตอนนี้เท่าที่ได้ข้อมูลพบว่าคู่สมรสของคุณหญิงกัลยามีเงินลงทุนมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท แต่ที่ยื่นมาอีกครั้งเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งเงินลงทุนของคู่สมรสลดลงไป ประมาณ 300 ล้านบาท และปรากฎลูกหนี้เงินให้กู้ยืม ซึ่งเป็นบุตรสาวทั้งสามคน

และ ในบัญชียังมีชื่อบุตรชายอีกหนึ่งคน รวมทั้งสิ้น 4 คน แต่เป็นลูกหนี้เพียงบุตรสาว 3 คน โดยอีกสองคนมีที่อยู่เดียวกันกับคุณหญิงกัลยา ซึ่งจำนวนเงินที่เป็นหนี้ของทั้ง 3 คนเท่ากัน คือประมาณ 95.8 ล้านบาท

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ตนได้รับจาก ป.ป.ช. ระบุว่าเงินลงทุนในขณะที่เป็น ส.ส.ไม่ปรากฎอยู่ในเว็บของ ป.ป.ช. จึงอยากให้ ป.ป.ช.ไปดูว่าจะมีวิธีการนำข้อมูลในส่วนนี้มาแสดงได้หรือไม่ แต่กลับปรากฎข้อมูลอยู่ในฐาน ป.ป.ช. ขณะที่เป็นรัฐมนตรีเท่านั้น

นายเรืองไกร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ 2 ลักษณะ คือ 1.การโอนหุ้นให้ปรากฎเข้าลักษณะตามแนวคำพิพากษาที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งจะไปเกี่ยวกับกรณีการถือครองหุ้นข้ามเส้น หากเกิน 5% กรณีที่เป็นรัฐมนตรี หรือคู่สมรสถือครองหุ้นซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 269

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง ตามคำพิพากษา คือต้องพิจารณาว่าลักษณะดังกล่าวเป็นการปกปิดบัญชีไว้หรือไม่ โดยเอาหุ้นในส่วนของคู่สมรสไปรวมไว้กับบุตรหรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้จะเอาไปกล่าวหาหรือชี้ว่าคุณหญิงกัลยามีความผิดหรือไม่ยังไม่ได้ ต้องดูข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน แต่แนวโน้มที่มีการเปรียบเทียบบัญชี ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่กำลังตรวจสอบอยู่ และ เมื่อได้ข้อมูลจาก ป.ป.ช. แล้วก็จะต้องเช็คไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าการแจ้งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีของคุญหญิงกัลยาใกล้เคียงกันกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงเข้าไปตรวจสอบ แต่สำหรับรัฐมนตรีท่านอื่นก็จะกลับไปย้อนดูในทุกรัฐบาล ไม่ได้เลือกว่าจะตรวจใครคนใดคนหนึ่ง ตอนนี้ต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก่อน เพราะเอกสารบางส่วนไม่ได้อยู่ในเว็บไซต์ ป.ป.ช. ต้องไปนั่งคัดออกมา ไม่สามารถถ่ายสำเนาได้ หากคัดแล้วเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ ก็จะไปขอข้อมูลจากกระทรวงฯ

ในบางกรณีที่ไปตรวจรัฐมนตรีบางท่านในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เช่นการเป็นหุ้นส่วนสามัญ ตรงนี้อาจต้องนำกลับมาทบทวน แม้ว่า กกต. จะลงมติว่าไม่รับไปแล้ว แต่อาจต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่ หรือถ้าสามารถรวบรวมรายชื่อ ส.ว. ได้ครบ 15 คนอาจจำเป็นต้องยื่นตรงไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

ส่วนนอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีท่านอื่นอีกหรือไม่นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยจะไล่ใหม่ทั้งหมด แต่กรณีนี้ต้องไล่เฉพาะรัฐมนตรี เพราะถ้าเป็น ส.ส.และ ส.ว.ปกติ จะถือหุ้นไม่ได้เฉพาะกรณีหุ้นสัมปทานหรือหุ้นสื่อเท่านั้น แต่ถือครองเกิน 5% ไม่เป็นไร แต่คนที่เป็นรัฐมนตรี ถ้าเกิน 5% ต้องเอาไปฝากไว้กับบายพาส ซึ่งกรณีของนายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย ได้มีการนำไปฝากไว้แล้ว ซึ่งก็ต้องไปตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่

คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1-2 สัปดาห์น่าจะมีความชัดเจน เพราะปัจจุบันนี้สามารถขอข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีหลายช่องทาง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ