นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำและโฆษกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายชื่อแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาติดตาม ซึ่งส่วนตัวพบว่ามีรถเก๋งและมอเตอร์ไซด์ติดตาม ก็ไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ เพราะหากมีการผสมโรงก่อเหตุขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ พร้อมทั้งยืนยันว่าแกนนำคนเสื้อแดงไม่มีพฤติกรรมลักลอบไปทำอะไรที่ไม่ดี หรือเปิดเผยไม่ได้ เราตรวจสอบได้หมด
"น่าจะเปิดเผยออกมาให้ชัดเจนเลยว่าไปติดตามใครบ้าง และใช้หน่วยงานใดติดตาม ทำให้โปร่งใสไปเลย คนที่ถูกติดตามจะได้สบายใจ จะได้รู้ว่ามีการทำงานนอกเหนือคำสั่ง หรือมีมือที่สามเข้ามาติดตามอีกหรือไม่" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนแผนการเดินทางมาชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นั้นนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบแผนการสกัดกั้นมวลชนจากต่างจังหวัดไม่ให้เข้ามาในกรุงเทพฯ โดยใช้วิธีตั้งด่านสกัด สอบถามต่างๆนาๆ และมีการสั่งการไปยังปั๊มน้ำมันไม่ให้บริการ หรือไม่สำรองเชื้อเพลิงให้คนเสื้อแดงเติม ระหว่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่เชื่อว่าไม่ได้ผลแน่นอน
นอกจากนี้ยังคงมีความพยายามบีบบังคับ ข่มขู่บริษัทรับจ้างรถทัวร์ ไม่ให้รับส่งคนเสื้อแดง หรือใช้วิธีรับงานมาก่อนแล้วยกเลิกในช่วงใกล้วันชุมนุม วันนี้คนเสื้อแดงจากทุกภาคในประเทศไทยกำลังกำหนดวิธีการขับเคลื่อนมวลชน และเตรียมแผนรับมือมาตรการต่างๆจากภาครัฐไว้แล้ว ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะทำการจับรถอีแต๋นที่เข้ามาในก ทม.นั้น ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทำจะเกิดคำถามกับสังคมทันที เพราะความรู้สึกของชาวบ้านที่อุตส่าห์นำรถอีแต๋นมาถึงกทม.ก็เท่ากับว่าถึงขีดสุดแล้ว ถ้ายังไปจับอีกก็ไม่เป็นไร แต่คนเสื้อแดงทั่วประเทศพร้อมที่จะลงขันให้รถอีแต๋นเข้ามาชุมนุมแน่นอน
“วันนี้สิ่งที่รัฐบาลเตรียมแผนการรับมือกับสิ่งที่พูดค่อนข้างขัดแย้งกัน ปากก็บอกว่ามีคนมาชุมนุมไม่มาก ประมาณแสนคน แต่กลับเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เป็นหมื่นๆ ก็ขอให้รอดูวันชุมนุมจะมีคนเสื้อแดงมากันกี่คน ถ้าประเมินว่ามาไม่เยอะ นายอภิสิทธิ์ก็น่าจะหาเวลาไปเตะบอลแก้มือกับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ดีกว่ามานั่งพะว้าพะวนอย่างนี้"แกนนำนปช.ระบุ
ส่วนกรณีของ“เคทอง"ที่กล่าวผ่านรายการวิทยุก่อนเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในกทม.ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ไม่รู้จัก“เคทอง" แต่ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกหรือไม่นั้น ก็ไม่ทราบ เพราะเสธ.แดงจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับคนเสื้อแดง
ด้านความคืบหน้าในการรวบรวมหลักฐานเพื่อนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดียึดทรัพย์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ซึ่งต้องยอมรับว่าทำได้ยาก เพราะมีชั้นความลับเป็นพิเศษเหนือบุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ง่ายๆ แต่เชื่อว่าพล.อ.เปรมจะหนีความจริงไม่พ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีร่องรอยที่จะต้องนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน