นายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งมีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553 ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการดำเนินการของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบตามที่ ศจ.ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. รายงานต่อที่ประชุมว่า ตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.53 ที่ผ่านมานั้น มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. รวม 4 เรื่องคือ
กรณีนายวีระ สมความคิด กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ส่งเรื่องมาให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการต่ออีก 3 เรื่อง คือ เรื่องกล่าวหา คณะกรรมการ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น คณะกรรมการบริหารงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อให้มีการพิจารณาลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการบัตรเติมเงินมือถือแบบจ่ายเงินล่วงหน้า (Pre-Paid) โดยมิชอบ
เรื่องกล่าวหาคณะกรรมการ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น และผู้บริหาร รวมทั้ง ผู้บริหาร บมจ.กสท โทรคมนาคม แก้ไขสัญญาอนุญาตให้บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) ดำเนินการกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ครั้งที่7) เพื่ออนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (Roaming) ระหว่างผู้ให้บริการรายอื่น และอนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายจากการ Roaming ก่อนนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้ให้กับ บมจ. ทีโอที และปรับลดอัตราค่าใช้จ่ายเครือข่ายร่วมระหว่าง บมจ. กสท โทรคมนาคม กับบริษัทดิจิตอลโฟน จำกัด
และเรื่องกล่าวหาการอนุมัติโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์โดยมิชอบด้วยสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศเอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินแซทเทลไลท์ (SATTEL) และเรื่องการอนุมัติให้ใช้เงินสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม 3 จำนวน 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปเช่าช่องสัญญาณต่างประเทศอันเป็นการขัดต่อสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทชินแซทเทลไลท์ จำกัด และเรื่องกล่าวหาการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานฯ ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN)ที่ต้องถือใน SATTEL จากไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เอื้อประโยชน์ให้แก่ SHIN
ทั้ง 3 เรื่องที่ คตส.ส่งมาให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงไปก่อนหน้านี้แล้ว และคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ขอคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์จากศาลฎีกาฯ สำหรับนำมาพิจารณาประกอบในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของอดีตนายกรัฐมนตรี และการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหาทั้ง 3 เรื่องตามขั้นตอนต่อไป