นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวก่อนการประชุมคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไต่สวนขยายผลคำตัดสินคดียึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า ป.ป.ช. มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องดังกล่าวที่รับช่วงต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และเป็นไปตามประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)
เบื้องต้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับข้อมูลรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จรวมทั้งหมด 9 ครั้ง ระหว่างปี 2544-2549 ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังประสานเพื่อขอคำพิพากษาจากศาลฎีกาแผนกคีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยจะนำคำพิพากษามาพิจารณาเทียบเคียง ซึ่งหาก ป.ป.ช. พบว่ามีมูลความผิด ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องมาแก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกา แต่ป.ป.ช.มีการตั้งอนุกรรมการสอบสวนอยู่แล้ว อาทิ เรื่องกล่าวหาเกี่ยวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร และเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ซีทีเอ็กซ์) เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโดยการเคหะแห่งชาติโครงการบ้านเอื้ออาทร เป็นต้น