สหภาพยุโรป (อียู) และสิงคโปร์จะเริ่มเปิดการเจรจาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ในสัปดาห์หน้า โดยการเจรจารอบแรกจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคมนี้
นายคาเรล เดอ กุชท์ กรรมาธิการการค้าอียู และลิม เฮง เกียง รัฐมนตรีการค้าของสิงคโปร์กล่าวภายหลังเข้าประชุมร่วมกันเมื่อวานนี้ว่า ความคืบหน้าในการเริ่มต้นเจรจาการค้าเสรีครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี และถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่นำไปสู่การเชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอียูกับกลุ่มประเทศสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังจากที่อียูได้ประกาศถึงการเจรจาการค้าเสรีกับเวียดนามไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
โดยตัวแทนของอียูกล่าวว่า การทำข้อตกลงการค้าเสรีจะเป็นการสานสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างอียูและสิงคโปร์ ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ค้าและผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่สิงคโปร์แสดงความหวังในการร่วมมือกับอียูอย่างใกล้ชิดเพื่อสานต่อข้อตกลงที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของทั้งสองฝ่าย
ก่อนหน้านี้ อียูได้ยกเลิกแผนเจรจาการค้าเสรีกับกลุ่มอาเซียน แต่หลังจากนั้นได้เริ่มหาทางเจรจาการค้าเสรีกับ 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของอียู รองจากสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ การค้าระหว่างสิงคโปร์และ 27 ชาติสมาชิกอียูในปี 2551 มีมูลค่าสูงกว่า 5.5 หมื่นล้านยูโร (7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยอียูเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและเป็นประเทศคู่ค้าหลักของสิงคโปร์ ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 15 ของอียู แต่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอียูในบรรดาชาติสมาชิกอาเซียน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2547