การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ยื่นกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี เรื่องการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายไว้ว่าจะยุติการเมืองที่ล้มเหลวงและสร้างความสามัคคีนั้น แต่จนถึงวันนี้ได้เห็นความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นหลายประการ
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(กลุ่มเสื้อเหลือง) ซึ่งล่าช้ามากแตกต่างจากการดำเนินคดีกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงที่กลับรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลขึ้นบัญชีดำแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เครือข่ายทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และสมาชิกพรรคเพื่อไทยรวมแล้วถึง 212 รายชื่อ โดยมีพระระดับมหาเถระถึง 11 รูป
ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวด้วยว่า ยังมีคนในรัฐบาลออกมาระบุว่ามีการขนเงินจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อล้มคดีบางคดี ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นจริงหรือไม่มี แต่กลับเป็นการออกมาพูดเพียงฝ่ายเดียวจากคนของรัฐบาล
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีการปรากฎอยู่ในสื่อสาธารณทั่วไป และไม่เคยเห็นรายชื่อพระมหาเถระเหล่านี้ ซึ่งไม่ทราบว่า ร.ต.ท.เชาวรินทร์ นำบัญชีรายชื่อนี้มาจากไหน ข้อเท็จจริง คือ ได้ตรวจสอบไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมดแล้ว ไม่พบว่ามีการทำบัญชีรายชื่อบุคคลเฝ้าระวัง 212 คนตามที่กล่าวอ้างขึ้น
"ฝากกราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้มีการกระทำเหล่านั้น รัฐบาลรู้จักว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควร แยกคุณ แยกบาปได้ ทหารก็ไม่มีการคุกคามพระคุณเจ้า ท่านเอาบัญชีที่พวกท่านอ้างว่าเอามาให้ผม และผมจะไปกราบนมัสการทุกวัดเพื่อไปสอบถามข้อเท็จจริง" นายสุเทพ กล่าว
พร้อมระบุว่า แม้รัฐบาลจะไม่ได้ขึ้นบัญชีบุคคลเฝ้าระวัง แต่ยอมรับว่ามีการติดตามบุคคลที่มีประวัติในคดีที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งจำเป็นต้องติดตาม เพราะเคยไปพูดตามที่ต่างๆ เช่น ชักชวนประชาชนมาเผาสถานที่ราชการ จับลูกเมียคณะรัฐมนตรีมาเป็นตัวประกัน สิ่งเหล่านี้มีหลักฐานบันทึกไว้ชัดเจน หากรัฐบาลไม่ดำเนินการจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้กรณีของ "เคทอง" หรือแม้แต่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก็ต้องติดตามเช่นกัน
"ไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องออกคำสั่ง แต่เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ต้องติดตามคนที่ทำร้ายประเทศชาติมาดำเนินคดี ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำบัญชีรายชื่อเฝ้าระวัง จะต่อสู้กันอย่างไรก็ได้ แต่ขอให้เอาเฉพาะเรื่องจริง อย่าเอาเรื่องโกหกมาสู้กัน" นายสุเทพ กล่าว