นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลยังไม่มีนโยบายจะประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง หรือประกาศให้มีวันหยุดราชการพิเศษในช่วงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง และจะไม่เลื่อนกำหนดการเดินทางไปราชการต่างประเทศที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ในช่วงเวลาดังกล่าว
"รัฐบาลประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ยังไม่มีความคิดที่จะประกาศไปตอนนี้...(การเดินทางไปต่างประเทศ)ขณะนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับการดูแลการชุมนุมนั้น รัฐบาลยังคงยึดหลักเดิมที่ให้สิทธิการชุมนุมโดยสงบ พร้อมกับขอความร่วมมือแก่กลุ่มผู้ชุมนุมกรณีที่ประกาศจะนำยานพาหนะเคลื่อนจากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ทางการจะจัดระเบียบด้านการจราจรไว้ให้
ส่วนที่แกนนำเสื้อแดงประกาศว่าต้องการจะทำให้การจราจรในกรุงเทพฯ เป็นอัมพาตนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วย มีเพียงกลุ่มคนบางส่วนเท่านั้นที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย
"ทุกคนต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ ก็ต้องร่วมมือกันให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ไม่สะดุด อย่าไปทำอะไรที่จะทำให้เกิดปัญหาประชาชนปะทะกัน เพราะเราเป็นคนไทยทั้งสิ้น ต้องช่วยกันทำให้ปัญหาคลี่คลายลง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายจะประกาศวันหยุดช่วงกลางเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งตรงกับวันที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุมใหญ่ อีกทั้งกำหนดการไปราชการที่ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ในระหว่างวันที่ 13-16 มี.ค.ก็ยังเป็นไปตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว และมั่นใจว่าจะไม่มีการเกิดสูญญากาศทางการเมือง เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงจะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนในช่วงนั้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นในระหว่างที่ตนอยู่ต่างประเทศ นายสุเทพ ก็มีอำนาจในฐานะปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี สามารถประกาศใช้กฎหมายต่างๆ ได้
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะพิจารณาประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงหากมีความจำเป็นจริงๆ แต่ทั้งนี้จะขอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ และคงไม่สามารถจะตอบหรือคาดเดาไปก่อนล่วงหน้าได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดเรื่องการปราบปราบประชาชน และที่ผ่านมาได้พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาตลอด ซึ่งจะเห็นว่าจากเหตุการณ์เม.ย.52 ก็เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้เต็มที่ ไม่มีการลุแก่อำนาจตามที่ถูกกล่าวหา
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการใดๆ อันจะนำไปสู่ความรุนแรงในช่วงหลังจากที่ศาลฎีกา มีคำสั่งยึดทรัพย์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
"ผลพวงจากคดี(ยึดทรัพย์) รัฐบาลไม่ได้ดำเนินการอะไรที่ไปเร่งรัดให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เป็นการดำเนินการของหน่วยงานประจำ เพราะรัฐบาลไม่ใช่คู่กรณี ส่วนการตอบโต้ทางการเมืองนั้น ก็พยายามให้อยู่ในวงจำกัด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง แสดงความเห็นไว้ในเฟซบุคเรื่องคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณว่า หากอ่านด้วยความเป็นธรรมจะเห็นได้ว่าการเขียนของนายกรณ์ เป็นการเขียนอย่างเข้าใจคำพิพากษาว่าเหตุใดจึงยึดทรัพย์เพียง 4.6 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ความเห็นส่วนตัวของนายกรณ์เองเห็นว่าควรจะยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่านายกรณ์ หนุนการรัฐประหารนั้น ข้อเท็จจริงคือนายกรณ์ ได้เขียนให้เห็นว่าก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับถูกสกัดกั้นมาตลอดจนกระทั่งมีการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 เกิดขึ้น จึงสามารถตรวจสอบเรื่องการยึดทรัพย์ได้ ไม่ใช่หมายความว่ารัฐบาลหรือพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการรัฐประหาร พร้อมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสนับสนุนเรื่องการรัฐประหาร โดยย้อนไปดูท่าทีของพรรคที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ย.49 ได้