นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เผยเวลา 10.00 น.วันนี้ได้เรียกประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง(คตม.) ประเมินสถานการณ์การนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้ประกอบการตัดสินใจในการประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง และการเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค.นี้
รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความกังวลใจต่อสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลายอย่างที่มาผนวกกันแล้วมีสัญญาณว่าอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นได้ ทั้งการลอบปาระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ และการขโมยอาวุธจากคลังแสงที่พัทลุงซึ่งคาดว่าจะมีรายงานความคืบหน้าในอีก 3-4 วันข้างหน้า
"เป็นเรื่องที่ทำให้ผมกังวลใจมากขึ้นว่าจะมีการฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชนและบ้านเมือง" นายสุเทพ กล่าว
ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตามหัวเมืองสำคัญนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ได้ประสาน รมว.มหาดไทย ให้กำชับหน่วยงานในพื้นที่ตั้งด่านตรวจตราอย่างเข้มงวดในเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานด้านการข่าวว่ามีพื้นที่ใดที่น่าเป็นห่วง
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. และผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ในการขอความร่วมมือให้ช่วยดูแลสถานการณ์ช่วงที่มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. ซึ่งมีความกังวลว่าการชุมนุมดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตปกติประจำวันของคนกรุงเทพฯ
"เรากังวลว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้จะกระทบต่อการดำรงชีวิตปกติของคน กทม.และอาจเป็นอันตรายต่อคน กทม." นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ กทม.มีอำนาจที่จะบังคับใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันภัยสาธารณะ ซึ่งหากเกิดความจำเป็น ผู้ว่าฯ กทม.สามารถตั้งกองอำนวยการขึ้นมาดูแลแก้ไขสถานการณ์ได้เอง เพื่อให้ประชาชนในกรุงเทพฯ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุปาระเบิดสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพว่า ไม่ใช่การจับแพะ ซึ่งทั้งผู้ที่ปาระเบิดและผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ต่างมีหลักฐานปรากฎจากทั้งกล้องวงจรปิดในแถบนั้น รวมทั้งมีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ได้แจ้งเบาะแสเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถสเก็ตท์ภาพคนร้ายออกมาได้ตรงกัน
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมเตรียมการของทุกฝ่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์การชุมนุมนี้ ไม่ใช่เป็นการโหมโรงเพื่อให้เกิดความวิตกกังวลหรือตื่นตระหนก แต่เป็นการร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความเสียหายขึ้นต่อประชาชนและบ้านเมือง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ให้เกิดความถูกต้องมากที่สุด ก่อนจะกำหนดออกมาเป็นแผนการดำเนินงานที่เหมาะสมเพื่อนำไปใช้เป็นเป้าหมายในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงนี้
พร้อมยืนยันว่า กรณีอาวุธสงครามที่คลังแสงใน จ.พัทลุง ถูกขโมยไม่ใช่การจัดฉากของรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายพิเศษเข้ามาดูแลสถานการณ์ เนื่องจากรัฐบาลอยู่ในฐานะที่สามารถประกาศบังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงได้อยู่แล้ว
"ผมมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันทรัพย์สินของราชการและประชาชน ไม่จำเป็นต้องสร้างสถานการณ์ เพราะผมมีอำนาจที่จะประกาศกฎหมายได้อยู่แล้ว หากเกิดเหตุอะไรผมก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ดังนั้นจำเป็นต้องบอกให้ประชาชนทราบเป็นระยะ เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน" นายสุเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือเคทองได้นั้น นายสุเทพ เชื่อว่า จะสามารถลดระดับเหตุการณ์ความรุนแรงของการชุมนุมได้ในระดับหนึ่ง
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในสภาขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะถือเป็นการต่อสู้กันตามกติกาของรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการต่อสู้ที่ทำควบคู่กันไปทั้งในสภาและนอกสภา ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนได้
"การเมืองในสภาจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล เพราะต่อสู้กันปกติในกติการัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง แต่กังวลว่าการต่อสู้พร้อมกันในสภาและนอกสภาจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน" นายสุเทพ กล่าว