นายพิทยา พุกกะมาน รองโฆษกพรรคเพื่อไทยและอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศชิลี แถลงว่า พรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือยื่นต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNOHCHR) และองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) แห่งนครนิวยอร์ก ประจำประเทศไทย เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบกรณีที่มีข่าวหน่วยงานความมั่นของรัฐบาลได้จัดทำบัญชีดำ 212 คนของบุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารและส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.และคนเสื้อแดง รวมถึงพระสงฆ์ 11 รูปที่มีสมณศักดิ์ ถือเป็นการจำกัดสิทธิ ริดรอน ละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ ยังเป็นการทำลายความสงบสุข ความสมานสามัคคีซึ่งขัดต่อปฎิญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อในบัญชีดำ 212 คน กล่าวว่าตนได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกและ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 50 คน ที่มีชื่อในบัญชีดำดังกล่าวโดยเฉพาะทั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคฯ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง แม้กระทั้งตนได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบ ติดตามถึงหน้าบ้านพักโดยอ้างว่าได้รับคำสั่งให้มาดูแลความปลอดภัย พร้อมการเปลี่ยนตำรวจชุดละ 2 นาย เข้าไปสอบถามรายละเอียดการใช้รถและเดินทางไปไหนมาไหน วิธีการดังกล่าวเหมือนเป็นการข่มขู่ซึ่งตนโตแล้วพอจะรู้และเข้าใจดีว่าทำเพื่ออะไรเพราะเคยเป็นข้าราชการประจำมาก่อนเห็นว่าในยุคมีการปฎิวัติ ยังไม่เคยทำอย่างนี้
"ขอให้รัฐบาลยุติการดำเนินการและทบทวนเปลี่ยนวิธีคิด รวมทั้งทราบว่าวันนี้ ทางกรุงเทพมหานครมีการประชุมเตรียมจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน จัดอาสาสมัครในชุมนุมขึ้นมาต่อต้านซึ่งจะทำให้คนกทม.กับ คนต่างจังหวัดเผชิญหน้าและตีกัน แล้วยังมีแนวคิดใช้รถเบนซ์มาขวางรถอีแต๋น อย่าทำให้ประชาชนอึดอัด หรือรู้สึกถูกข่มเหง รังแก จึงอยากเตือนผู้ว่า กทม.หากคิดทำเช่นนี้ จะอยู่ไม่ครบ 4 ปีขอร้องให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง และไม่ควรใช้วิธีแข็งกร้าวมาดำเนินการกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งจะไม่เป็นผลดี"
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า เหตุผลที่ไปยื่นเรื่องร้องต่อองค์กรระหว่างประเทศ ไม่ใช่เป็นการไปฟ้องต่างชาติ แต่เนื่องจากเราไม่สามารถพึ่งองค์กรในประเทศแล้ว ดังนั้น รัฐบาลอย่ามาโกรธเราไม่ได้