นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะบริหารสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้เพื่อไม่ให้นำไปสู่ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งหากจะมีการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย นั่นคือต้องเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นแล้ว แต่ในขณะนี้เหตุการณ์ยังไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว
"กฎหมายภาวะฉุกเฉินต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย คือต้องเกิดเหตุ แต่ ณ วันนี้จะบริหารไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยผู้ชุมนุมในครั้งนี้ จะไม่ให้มีการพกพาอาวุธในการควบคุมสถานการณ์ โดยมีเพียงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการป้องกันตัวเท่านั้น พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ใช่กำลังในการเข้าปราบปรามผู้ชุมนุม และขณะนี้ยังมองไม่เห็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การยุบสภาตามที่กลุ่ม นปช.เรียกร้อง
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า พร้อมจะประกาศยุบสภาเพียงแต่เมื่อยุบสภาแล้วการจะต้องยุติการชุมนุมเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีสัญญาณดังกล่าว
"ผมเรียนหลายครั้งแล้ว ถ้ายุบสภา เหตุการณ์สงบ เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ไม่มีปัญหา ผมแค่เพียงทดสอบว่าเงื่อนไขแสดงได้ไหมว่า ถ้ามีการยุบสภา มีการเลือกตั้ง จะไม่มีการเคลื่อนไหวที่นำไปสู่ความรุนแรง การขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ การข่มขู่ ถ้าทำได้ไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันไม่มีสัญญาณเลยจากคนที่บอกว่าให้ยุบสภาแล้วจะหยุด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งที่กังวลใจมากที่สุดในการชุมนุมครั้งนี้ คือไม่ต้องการเห็นความสูญเสียหรือเกิดการเสียชีวิตขึ้นในการชุมนุม ซึ่งเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศรวมทั้งคนเสื้อแดงต่างไม่ต้องการเห็นการสูญเสียเกิดขึ้นเช่นกัน
ส่วนรัฐบาลจะประกาศวันหยุดพิเศษในช่วงที่กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมใหญ่หรือไม่นั้น รัฐบาลจะตัดสินใจตามสถานการณ์ความเหมาะสม โดยจะไม่มีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า
สำหรับความกังวลว่าอาจจะมีการก่อวินาศกรรมนั้น รัฐบาลจะติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดทั้งการตั้งจุดตรวจ พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสสิ่งผิดปกติด้วย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่กลัวแม้จะถูกขึ้นบัญชีดำจากกลุ่มเสื้อแดง โดยเชื่อว่ายังสามารถบริหารราชการได้แม้จะมีผู้ขับไล่นับแสนคน
ส่วนเหตุผลที่ต้องเลื่อนการเดินทางไปประเทศออสเตรเลียนั้น เป็นเพราะมีความจำเป็นต้องดูแลสถานการณ์ภายในประเทศ หลังจากที่คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง(คตม.) ได้ประเมินเหตุการณ์แล้ว
นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการเปิดศึกหรือเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เพียงแต่รัฐบาลไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่รัฐบาลคงไม่สามารถตั้งอยู่บนความประมาทได้ จำเป็นต้องเดินสายกลางและเตรียมความพร้อม โดยทางออกที่ดีที่สุดของสังคมไทยในขณะนี้คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้จะมีความแตกต่างด้านความคิด แต่สามารถแสดงออกได้โดยต้องไม่ละเมิดกฎหมาย เพราะนอกเหนือจากนั้นยังมองไม่เห็นทางออก และรัฐบาลไม่สามารถจะปล่อยให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้ความรุนแรงมาข่มขู่หรือกำหนดอนาคตของประเทศได้ อีกทั้งรัฐบาลจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่นิยมความรุนแรง
สำหรับการประชุมเตรียมการร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) และผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขตของกทม.วันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเตรียมการและซักซ้อมความเข้าใจในการช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างการชุมนุมใหญ่ โดยได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ กทม. และผู้อำนวยการเขตทุกเขตให้ช่วยประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือจากประชาชน เพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน และขอให้ประชาชนแจ้งข้อมูลหากพบเหตุการณ์ที่ผิดปกติไปยังเจ้าหน้าที่ รวมถึงขอร้องให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่กทม.ไม่นำตัวเองไปสู่ความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรงได้