นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายให้แต่ละกระทรวงจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโดยติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับที่แต่ละกระทรวงกำกับดูแลอยู่ และให้เชื่อมโยงการทำงานร่วมกันกับทุกกระทรวง จะช่วยทำให้ประชาชนคลายความกังวลและเกิดความมั่นใจมากขึ้นในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน
"เมื่อวาน มีการตั้งศูนย์เฝ้าระวังหน่วยแพทย์เคลื่อนที่, กระทรวงพลังงาน ดูแลเชื้อเพลิง ควบคุมดูแลสถานีน้ำมันต่างๆ, กระทรวงไอซีทีดูแลการใช้สื่อ, กระทรวงมหาดไทย ดูแลสาธารณูปโภคเรื่องการใช้น้ำ ไฟ ทั้งหมดนี้ยามที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะที่เป็นกังวล การทำงานของศูนย์ต่างๆ เหล่านี้จะเชื่อมโยงกันและตอบคำถามประชาชน เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจและสบายใจ" นายปณิธาน ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุเช้านี้
นายปณิธาน กล่าวว่า จากการประเมินของรัฐบาลนั้นจุดที่ต้องระวังอย่างมาก คือ กรณีที่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก ถ้าเกิดความไม่สงบเรียบร้อยจะทำให้มีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ รวมทั้งต่อการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุน เสถียรภาพของบ้านเมือง และที่สำคัญคือต่อการบริหารงานของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมส่วนใหญ่จะมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งรัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ตามสิทธิเสรีภาพ เพียงแต่จะต้องคัดกรองบุคคลที่แอบแฝงเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งอาจจะใช้วิธีต่างๆ ในการสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ชุมนุมเอง ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแส และขอให้ช่วยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เมื่อมีการตั้งจุดตรวจค้น
"คนที่แอบแฝงเข้ามาคงต้องคัดกรองออกไป ซึ่งมีการข่าวเข้ามาบ้างว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะใช้แนวทางหลากหลาย เพราะอาจมีหลายกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานประสานกัน ขอให้ประชาชนเฝ้าระวัง เช่น เรื่องที่เขาเคยทำมาแล้ว คือการใช้วัตถุระเบิดต่างๆ การปล่อยข่าวลือที่ทำให้คนตื่นตระหนก...ถ้าคนที่มาร่วมชุมนุมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่หงุดหงิดในการตรวจค้น ช่วยกันแจ้งเบาะแส และกีดกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ผมคิดว่าประเทศไทยจะเหมือนนานาอารยะประเทศในสังคมประชาธิปไตยตะวันตก ซึ่งเขามีคนมาชุนนุมมากกว่าเรา บางประเทศหลายแสนคนก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา" นายปณิธาน กล่าว