นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงเมื่อคืนนี้ว่า ศอ.รส.มอบหมายให้ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมปฏิบัติดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จำนวน 50,000 คน มีเป้าหมายใหญ่คือดูแลรักษาความสงบของบ้านเมือง โดยเจ้าหน้าที่จะไม่พกพาอาวุธ และไม่มีเจตนาปราบปรามใคร
"เราจะไม่ใช้อาวุธปราบประชาชนโดยเด็ดขาด เว้นแต่ว่าการชุมนุมครั้งนี้เกิดมีคนร้ายแฝงมาทำร้าย เจ้าหน้าที่จะมีตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือ หน่วยสวาท เจ้าหน้าที่ชุดนี้จะเข้าปราบปรามคนร้าย ซึ่งแต่งเครื่องแบบตำรวจชัดเจน และหากผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ราชการ บ้านเรือนคนธรรมดาและบุคคลสำคัญ จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีทันที"นายสุเทพ กล่าว
ศอ.รส. กำหนดข้อห้ามผู้ชุมนุมไม่ให้พกอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่จะตั้งด่านตรวจค้นอาวุธ ตรวจบัตรประชาชน ตรวจทะเบียนรถ เพื่อไม่ให้นำอาวุธ หรือคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุม พร้อมทั้งห้ามนำรถอีแต๋นและรถที่ใช้ทำไร่ทำนาเข้ามาในกทม. ห้ามรถกระบะที่ขนคนเข้ามาชุมนุม หากผู้ชุมนุมนำรถกระบะขนคนมา ทางการได้กำหนดจุดจอดรถไว้ชานเมืองและจัดรถบัสรับส่งให้เดินทางมาถึงจุดชุมนุม
และ ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.เป็นต้นไป ห้ามไม่ให้ใช้วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องขยายเสียง ปลุกระดมให้ประชาชนกระทำการใดที่กระทบต่อความมั่นคงของบ้านเมืองโดยเด็ดขาด และตั้งแต่คืนนี้เจ้าหน้าที่จะเข้าดูแลจุดสำคัญทั่วกรุงเทพฯ กำลังทั้งหมดมาตามคำสั่ง ศอ.รส.และ มีสายตรวจพิเศษพลเรือน ตำรวจ ทหาร ตะเวนไปดูแลความสงบเรียบร้อยเต็มพื้นที่ เพื่อป้องกันการวินาศกรรมในกรุงเทพฯ และตั้งแต่เวลา 18.00 น.ของวันที่ 11 มี.ค.เป็นต้นไป
“ศอ.รส.ตระหนักดีว่าคนไทยจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช เราจึงกำหนดให้ทุกเส้นทางที่ไปศิริราช เป็นเส้นทางต้องห้ามสำหรับผู้ชุมนุมทั้งทางบกและทางน้ำการชุมนุมต้องไม่ให้กระทบและระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ทั้งนี้ เราขอทำหน้าที่แทนคนไทย”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการปล่อยข่าวเรื่องการก่อวินาศกรรม โดยเฉพาะ 40 จุด ทั่วกรุงเทพฯ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ และ ทหาร พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้รับมอบหมายให้กำกับควบคุมการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการใช้กำลังรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และปลัดกรุงเทพมหานคร ให้ความร่วมมือ
กำลังของพลเรือน ตำรวจ ทหารจะไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันในทุกภารกิจ จะเริ่มปฏิบัติตั้งแต่คืนวานนี้ตามจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ และมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนโดยรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ และ รถจักรยานโดยจะมีการประสานงานกับผู้นำชุมชนต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเป็นหูเป็นตาระมัดระวังการก่อวินาศกรรม เท่าที่ได้ติดตามข่าวการก่อวินาศกรรมเป้าหมายคือสถานที่ราชการ ไม่ใช่บ้านเรือนของประชาชน