สหภาพแรงงานชาวกรีซก่อหวอดประท้วงอีกเป็นครั้งที่ 2 ตั้งเป้าปิดให้บริการโรงพยาบาล สนามบิน และโรงเรียน หลังนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ของกรีซ ประกาศปรับลดการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อควบคุมยอดขาดดุลบัญชีในประเทศ
การผละงานประท้วงของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศคาดว่า จะส่งผลกระทบเที่ยวบินหลายเที่ยวบินต้องงดให้บริการ โดยเฉพาะเที่ยวบินจากสนามบินนานาชาติเอเธนส์ ขณะที่พนักงานขับรถประจำทาง และรถไฟใต้ดิน รวมทั้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ผู้สื่อข่าว และครูจะหยุดงานประท้วงแผนการลดค่าแรง 4.8 พันล้านยูโร และปรับการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานดับเพลิงจะใส่ชุดยูนิฟอร์มเพื่อเข้าร่วมเดินขบวนประท้วงไปยังอาคารรัฐสภา
โฆษกของสหภาพแรงงาน GSEE กลาวว่า มาตรการของรัฐบาลไร้ซึ่งความยุติธรรม เพราะพวกเขาเรียกร้องให้พนักงานธรรมดาอย่างพวกเราเสียสละ แต่กลับไม่ยอมทำอะไรกับกลุ่มนายจ้าง นักธุรกิจและนักธนาคารที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ขณะที่ประธานสมาพันธ์ภาคอุตสาหกรรมของกรีซกล่าวว่า เหตุการณ์ประท้วง ความไม่สงบ และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเวลานี้มีต้นเหตุจากกลุ่มผู้ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งเขาได้ตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ใครกันแน่คือผู้ที่กดดันให้พนักงานต้องออกมาประท้วง
สำหรับการหยุดงานประท้วงตลอด 24 ชั่วโมงในวันนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา พนักงานได้ประท้วงปิดช่องทางการจราจร และพยายามบุกโจมตีอาคารรัฐสภา เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบการปรับลดดุลบัญชี
นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังมีขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีกรีซเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรัฐ 3 ชาติมหาอำนาจเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลกรีซในการปรับลดยอดขาดดุลการค้าได้ หลังจากที่บรรดานักลงทุนและกลุ่มประเทศอียูเร่งกดดันให้กรีซใช้มาตรการต่างๆมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากรีซจะสามารถลดยอดขาดดุลการค้าที่สัดส่วน 12.7% ในปีที่ผ่านมาให้อยู่ที่ 8.7% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ในปีนี้
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้นำกรีซร่วงลงกว่า 10% เมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเพียง 52% ที่ยังมีความเห็นในแง่บวกต่อการทำงานของนายปาปันเดรอูร และเกือบ 60% ของผู้ทำการสำรวจไม่เห็นด้วยกับการลดเงินงบประมาณครั้งล่าสุด ขณะที่อีกกว่า 65% มองว่ามาตรการดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม