นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งยกเลิกการประชุมวุฒิสภาเป็นพิเศษในวันที่ 12 มีนาคม เวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 273 จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลกรณีการลงนามในบันทึกความตกลงร่วมไทย-กัมพูชาในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
รวมถึงยังนัดประชุมวุฒิสภาตามปกติในวันที่ 15 มีนาคม อย่างไรก็ดี การประชุมในวันที่ 15 มีนาคม หากมีเหตุไม่สามารถประชุมได้ ก็จะใช้ดุลพินิจแจ้งงดทางโทรศัพท์
สำหรับการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษในวันที่ 12 มีนาคมนั้น จะเป็นการลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่ง โดยใช้วิธีการลงคะแนนลับโดยใช้บัตรลงคะแนน ทั้งนี้ มติที่ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา หรือ ไม่น้อยกว่า 90 เสียงจาก 150 เสียง
สำหรับความเคลื่อนไหวของส.ว.ในการพิจารณาลงคะแนนถอดถอนนายนพดล ออกจากตำแหน่ง ยังคงมีทิศทางการโหวตเหมือนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งในการประชุมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า วุฒิสภามีมติ ไม่ถอดถอนด้วยคะแนน 76 ต่อ 49 เสียง
อย่างไรก็ดี คาดว่า จะมีส.ว.มาร่วมประชุมน้อยกว่าการโหวตถอดถอนนายสมชาย เนื่องจาก เป็นการนัดประชุมในวันศุกร์ซึ่งส.ว.มักกลับพื้นที่ รวมถึงในวันดังกล่าวมีการรวมพลเพื่อเตรียมชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในกทม. 4 จุด
นายประสพสุข ยังกล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ตนยังเชื่อว่าจะไม่เกิดความรุนแรง เพราะทั้งรัฐบาล ฝ่ายผู้ชุมนุม และสังคม ประกาศพ้องกันว่า ไม่ต้องการความรุนแรง ทั้งนี้เมื่อผู้ชุมนุมได้มาแสดงพลังแล้วก็คงกลับที่ตั้ง
ส่วนท่าทีรัฐบาลในการรักษาความเรียบร้อยที่บางฝ่ายมองว่าไม่รอบคอบและปล่อยข่าวเพื่อชิงมวลชนนั้น ตนคิดว่ารัฐบาลคงเตือนๆเท่านั้น และพยายามหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่พึงประสงค์อยู่
ทั้งนี้ ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่บางคนอาจมองว่า จุดจบคงต้องเสียเลือดเนื้อกันก่อน แต่ตนคิดว่า ไม่จำเป็น และยังคุยกันได้ เจรจากันได้ เพราะยังมีบางคนในคู่ขัดแย้งยังต้องการคุยกัน ส่วนในวุฒิสภาที่ผ่านมาก็ได้พยายามหารือกับเพื่อนสมาชิก ซึ่งคงต้องแก้ระยะสั้นให้ได้ก่อนไปแก้ระยะยาว แต่ตอนนี้ก็ยังยากอยู่ แต่อย่างน้อยๆมีทิศทางที่ดีเพราะทุกฝ่ายพยายามช่วยกันไม่ให้เกิดความรุนแรง