นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแล้วเชื่อว่าจะมีคนเข้ามาร่วมชุมนุมไม่ถึง 1 ล้านคนตามที่แกนนำประกาศไว้ เนื่องจากเกิดความขัดแย้งในกลุ่มแกนนำและการบริหารจัดการมวลชน
ทั้งนี้ จากที่ได้พูดคุยกับแหล่งข่าวที่เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้ทราบว่ามีการขอเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไปยังนายใหญ่ 500 ล้านบาท หรือวันละ 100 ล้านบาทตลอด 5 วันในการชุมนุม คำนวนจากรถปิคอัพเข้าร่วม 1 แสนคัน คันละ 5 พันบาท แต่ถูกขอลดวงเงิน จึงต่อรองกลับไปเป็นวันละ 70 ล้านบาท ทำให้แกนนำต้องปรับการบริหารจัดการ โดยลดจำนวนรถปิคอัพลงมาครึ่งหนึ่งและอาจจะลดวันชุมนุมน้อยกว่า 5 วัน
นายเทพไท กล่าวว่า แกนนำ นปช.ต้องการให้วันที่ 14-15 มี.ค.เป็นวันแตกหักเพราะถ้ารัฐบาลไม่ยุบสภาก็จะกระจายคนออกไปทั่ว กทม.เพื่อเพิ่มความกดดัน เพราะหากยืดเยื้อออกไปจะมีปัญหาท่อน้ำเลี้ยงและมวลชน แต่ถ้าเปิดท่อน้ำเลี้ยงเพิ่มก็จะมีก๊อกสองทำให้การชุมนุมยืดออกไปอีก แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่นายใหญ่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้คุยกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนอ้างว่าถูกตัดท่อน้ำเลี้ยงจึงต้องปล่อยให้การชุมนุมครั้งนี้เป็นไปตามยถากรรม
สำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำฯ จะประกาศการชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการที่เวทีหลักบนสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เวลา 12.00 น.และมีเวทีย่อยอีก 4 เวทีคือ ท้องสนามหลวงจะมีมวลชนภาคใต้กับพระสงฆ์ ,อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีมวลชนจากภาคกลาง, สะพานมัฆวานรังสรรค์ หน้าทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นใจกลางการบริหารราชการแผ่นดิน จึงต้องใช้มวลชนจำนวนมากจากภาคอีสาน และ ลานพระบรมรูปทรงม้าจะใช้มวลชนจากภาคตะวันออกและภาคตะวันตก
ส่วนในวันที่ 15 มี.ค. จะเป็นขบวนไพร่ไล่รัฐบาลอำมาตย์ โดยกลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม.ชั้นในและสถานที่สำคัญ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ กองบัญชาการกองทัพบก กรมทหารราบที่ 11 กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลังทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา เพื่อก่อความวุ่นวายและทำให้การจราจรใน กทม.เป็นอัมพาต