วุฒิสมาชิกสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต รวมถึงวุฒิสมาชิกเชอร์ร็อด บราวน์ วุฒิสมาชิกชาร์ลส์ ชูเมอร์ และวุฒิสมาชิกเด็บบี สตาเบโนว์ กำลังกดดันประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวมากขึ้นเพื่อบีบจีนให้ขึ้นค่าเงินหยวน โดยวุฒิสมาชิกเหล่านี้อยู่ระหว่างร่างกฎหมายและจัดเวทีอภิปรายเรื่องผลกระทบของเงินหยวนที่มีต่อบริษัทสหรัฐ
ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกทั้งสามรายจะเสนอร่างกฎหมายที่กำหนดกฎเกณฑ์ในการลงโทษประเทศที่พยายามบิดเบือนค่าเงิน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าคณะทำงานของโอบามาต้องการให้จีนผลักดันเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น และยุตินโยบายที่เปิดทางให้บริษัทส่งออกของจีนตักตวงผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากเงินหยวนที่มีมูลค่าต่ำเกินจริง อีกทั้งเสนอให้สภาคองเกรสสหรัฐโต้ตอบจีนด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อชดเชยกับความเสียหายที่สหรัฐได้รับจากการถูกเอาเปรียบในตลาดการค้าโลก
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนยืนยันว่า จีนไม่ได้ให้ความสนใจต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน พร้อมกับเตือนว่าการที่สหรัฐกดดันจีนในเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่า ท่าทีอันแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีจีนอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า หากจีนตัดสินใจปล่อยเงินหยวนให้แข็งค่า ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจทั่วโลกขยายตัว 1.5% นอกจากนี้ ครุกแมนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้ประโยชน์หากจีนนำสกุลเงินดอลลาร์ในคลังสำรองออกมาลงทุนบ้าง โดยขณะนี้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนมีอยู่สูงถึง 2.1 ล้านล้านดอลลาร์