นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า มีหน่วยข่าวกรองในประเทศแจ้งเตือนว่าอาจมีการลอบสังหารนายกรัฐมนตรี จึงเป็นเหตุผลให้นายกรัฐมนตรีต้องมาพักที่เซฟเฮ้าส์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.)
อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเองก็ไม่เคยมีการพูดว่าจะไม่ลอบทำร้าย และยังมีความพยายามปลุกระดมตลอดเวลา โดยเฉพาะนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนสำคัญ ที่ออกมาบอกว่าจะเอาเลือดนายกรัฐมนตรีมาล้างเท้า
นายสาทิตย์ ยังแสดงกังวลว่า การเทเลือดหน้าบ้านนายยกรัฐมนตรีของกลุ่มคนเสื้อแดงจะกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น
"ฝ่ายข่าวก็เตือนนายกฯ มาตลอด เราก็ต้องระวังตัว มันมีข่าวมาตลอด และเราก็ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นการเตือนจากหน่วยงานที่ทำงานด้านการข่าว" นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่มีแนวความคิดที่จะเข้าไปสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และยังไม่เห็นความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยเชื่อว่ารัฐบาลยังสามารถดูแลสถานการณ์ได้ดี โดยรัฐบาลพยายามนิ่งและอดทนให้ถึงที่สุด และพยายามอดทนต่อไป แต่การที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปเทเลือดหน้าบ้านนายกฯ นั้น แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง และเกรงว่าการนำเลือดมาเป็นสัญญลักษณ์การเคลื่อนไหวอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้
"ผมไม่เข้าใจว่าการต่อสู้เชิงสัญญลักษณ์ที่แสดงออกโดยทำไปที่หน้าบ้านพักของนายกฯ ไม่เป็นการต่อสู้โดยสันติวิธี ซึ่งบ้านพักเป็นที่ที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปทำลักษณะอย่างนั้น รวมถึงการขว้างปาเข้าไปบ้านพัก ซึ่งเป็นภาพสะเทือนใจคน"นายสาทิตย์ กล่าว
ส่วนแนวทางในการเจรจาระหว่างรัฐบาลที่มีนายกอปร์ศักดิ์ เป็นตัวแทนกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น รัฐบาลพยายามทำหน้าที่ประสานเจรจากันตลอดเวลา แต่พบว่า ขณะนี้กลุ่มแกนนนำเริ่มมีความขัดแย้งกันเอง บางกลุ่มไม่ยอมมีการเจรจาพูดคุยด้วย แต่รัฐบาลจะพยายามควบคุมให้การชุมนุมอยู่ในกรอบ และพยายามจะจบให้ลงโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลอยู่ระหว่างติดตามการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะกลุ่มที่นิยมความรุนแรง