นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังจากการหารือร่วมกันในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อแสดงท่าทีที่ชัดเจนเกี่ยวกับความพร้อมที่รัฐบาลจะเปิดเจรจากับกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) เพื่อหาทางออก หากการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ อยู่บนกติกาที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ และไม่มีเงื่อนไขที่สร้างความลำบากใจต่อคู่เจรจา โดยมีคณะกรรมการสิทธิฯ เสนอเป็นตัวเป็นคนกลางประสานการเจรจาในครั้งนี้
"หากการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ รัฐบาลก็ไม่ขัดข้องที่จะพูดคุย เพราะการหาคำตอบทางการเมืองนั้น รัฐบาลพร้อมจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย...ผมจริงใจที่จะคุยกันแลกเปลี่ยนกันบนเหตุผล และการชุมนุมที่อยู่ภายใต้กติกา"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า กรรมการสิทธิฯ ได้รับข้อเรียกร้องจากแกนนำนปช.ที่จะขอพื้นที่ในการพูดคุยกับรัฐบาล จึงนำมาแจ้งให้กับนายกรัฐมนตรี และยินดีที่จะช่วยประสานงานให้เกิดการเจรจาขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ได้รับการยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยจะใช้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์มีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น และหากจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็จะไม่ทำให้กระทบต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
"รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้ พ.ร.ก.(การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน) จะใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ ซึ่งถ้าจำเป็นต้องใช้ก็จะไม่ทำให้กระทบสิทธิขั้นพื้นฐาน จะทำตามหลักสากล และคำวินิจฉัยของศาลปกครอง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลได้ให้สัญญาไว้" นางอมรา ระบุ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังเปิดทางให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุม หากการเจรจานั้นจะนำไปสู่ข้อยุติทางการเมือง และความสงบสุขเรียบร้อย โดยจะต้องเคารพกติกากันทุกฝ่าย
นางอมรา กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ และรัฐบาลยังเห็นพ้องกันว่า การพูดจาที่มีลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือการพูดจาข่มขู่ หรือส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ย่อมถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้การใช้วิธีการปิดล้อมสถานที่ราชการ ตลอดจนบ้านพักบุคคลต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานด้วยเช่นกัน
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่รัฐบาลมีความกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเทเลือด, การปิดล้อมสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง และการข่มขู่คุกคาม หรือยั่วยุผู้ชุมนุมให้ใช้ความรุนแรง โดยกรณีการระดมเจาะเลือดและนำเลือดไปเทหรือขว้างปาตามสถานที่ต่างๆ นั้น สิ่งเหล่านี้แม้จะไม่ใช่การกระทำที่ถูกกฎหมาย แต่รัฐบาลจะพยายามบังคับใช้กฎหมายโดยให้มีความยืดหยุ่นและไม่ให้เพิ่มความตึงเครียดให้กับผู้ชุมนุม
"การเจาะเลือด เทเลือด ปาเลือด ซึ่งไม่ได้ถูกกฎหมายทั้งหมด แต่รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายในลักษณะที่ไม่เพิ่มความตึงเครียด แต่จะรักษาหลักของกฎหมายไว้ เพื่อแสดงออกถึงความยืดหยุ่น อดทน แต่รัฐบาลคงไม่อาจละเลยได้ในกรณีการขว้างปา ซึ่งต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการที่กลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของตนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การกระทำในลักษณะนี้ถือว่าไม่ใช่การชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จะขอใช้สิทธิในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นสถานที่ของเอกชน หรือสถานที่พักส่วนบุคคลย่อมจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิเช่นกัน
"คงไม่มีใครรู้สึกเท่ากับคนที่อยู่ในบ้าน หรืออาศัยอยู่ในบ้าน ผมเข้าใจความรู้สึกของคนในบ้าน ผมไม่เอาเรื่องของความรู้สึกมาเป็นหลัก เพียงแต่อยากให้เคารพสิทธิของกันและกันมากกว่า เพราะการแสดงออกเช่นนี้คงยากที่จะบอกว่าสันติ หรือเคลื่อนไหวตามสิทธิปกติ" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่าในการชุมนุมนั้นแกนนำย่อมต้องใช้คำพูดปลุกเร้าอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมให้มีอารมณ์ร่วมคล้อยตายเพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการต่อสู้ร่วมกัน แต่สิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้คือการพูดจาในลักษณะหยาบคาย ข่มขู่ คุกคาม ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพราะอาจจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นไปโดยสงบและสันติ
สำหรับการบริหารงานของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะพยายามทำให้การทำงานกลับสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะกลับไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะไม่อยากเป็นการสร้างเงื่อนไข ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาตามสถานการณ์และความเหมาะสม
"(สัปดาห์หน้า)จะเข้าสู่ภาวะปกติได้มากกว่าสัปดาห์นี้ ผมไม่อยากสร้างเงื่อนไข เราอย่าพูดอะไรล่วงหน้าให้เป็นไปทีละขั้น ทีละตอน จะพิจารณาตามความเหมาะสม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว พร้อมระบุว่า รัฐบาลคงไม่สามารถบอกได้ว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงจะยืดเยื้อไปอีกกี่วัน เพราะถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความตึงเครียดมากจนเกินไป
ส่วนข้อเรียกร้องในการยุบสภานั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลยินดีที่จะรับฟัง แต่อยากให้เป็นไปตามกติกาของบ้านเมือง ซึ่งหากมีการยบุสภาจริง ทุกฝ่ายต้องให้ความมั่นใจด้วยว่าจะสามารถนำไปสู่ความสงบเรียบร้อย มีการตกลงกติการ่วมกัน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยพูดว่ารัฐบาลจะไม่ยอมยุบสภา แต่หากการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ชุมนุมจะนำไปซึ่งประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น รัฐบาลก็คงจะไม่เจรจาด้วย
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งทั่วกรุงเทพฯ ในวันที่ 20 มี.ค.นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ได้ขัดข้อง เพียงแต่ต้องการทราบแนวทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน เพื่อรัฐบาลจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้และจะช่วยประสานให้ประชาชนเข้าใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เตรียมจะฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.หลังจากที่ออกมาพูดจาและกระทำการหมิ่นประมาท โดยจะขอให้ศาลพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้แกนนำนปช.นำคลิป เสียงของตนที่ถูกตัดต่อไปเปิดบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงด้วย