นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเจรจากับรัฐบาล ว่า นปช.ไม่ได้ปิดประตูการเจรจาเพื่อหาทางออกของประเทศ แต่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจออกมา เพราะนายกรัฐมนตรีปล่อยให้คนรอบตัวออกมาสัมภาษณ์ใส่ร้าย นปช.อยู่ตลอดเวลา
การเจรจาจะเป็นไปได้หากรัฐบาลหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ ถ้ายังไม่หยุด นปช.ก็พร้อมที่จะต่อสู่ยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งเชื่อว่าทาง นปช.จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะรัฐบาลจะเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลไม่ได้
"การเจรจาเป็นสิ่งที่เห็นด้วย ซึ่งถ้ามีการเจรจาก่อนการยุบสภายืนยันได้ว่านายอภิสิทธิ์ จะสามารถหาเสียงได้ทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ใช่เวลาจะไปอีสานก็ไปได้แค่นครราชสีมา หรือถ้าจะไปภาคเหนือก็ไปได้แค่นครสรรค์ แต่หากนายอภิสิทธิ์ ยุบสภาหลังจากเกิดเหตุการณ์นองเลือด แบบนี้ปัญหาก็ไม่จบ ก็จะเกิดการต่อต้านขึ้นมาอีก
เมื่อมีการเจรจาและยุบสภาแล้วก็ให้ทุกฝ่าย ทุกพรรค ทุกสี มาร่วมลงสัตยาบันร่วมกัน เพื่อยอมรับผลการเลือกตั้งแบบแฟร์ๆ ถ้าทำได้แบบนี้ปัญหาก็จบ และคิดว่ารัฐบาลเลือกตั้งตอนนี้ก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะมีทั้งอำนาจรัฐบาลและงบประมาณ ผิดกับฝ่านค้านที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่ประชาชน"นายจตุพร กล่าว
ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนเสื้อแดงเห็นด้วย แต่การประชุมจะต้องเป็นการหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้มี ส.ส.แสดงพฤติกรรมเหมือนนายเชน เทือกสุบรรณ และจริง ๆ แล้วเมื่อวานนี้ นายอภิสิทธิ์ก็สามารถมาร่วมประชุมรัฐสภาได้ เพราะนปช.จะไม่ขัดขวางเหมือนกับที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคยทำ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีจะต้องแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาทางการเมือง
สำหรับกรณีที่จับอาสาสมัครรักษาดินแดน สังกัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่านายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้น ขอเตือนไว้เลยว่าเลือดของนปช.นั้นยังเหลืออยู่อีก 15 แกลลอน หากมีความจำเป็นก็อาจจะบุกอาคารชิโนไทยได้
นายจตุพร กล่าวว่า การเคลื่อนขบวนชุดใหญ่ของ นปช.วันพรุ่งนี้ แกนนำอยู่ระหว่างหารือเพื่อกำหนดเส้นทาง แต่ยืนยันว่าจะเป็นการเคลื่อนขบวนโดยสงบ ไม่มีความรุนแรง เพราะจุดประสงค์เพื่อต้องการแสดงความขอบคุณคนกรุงเทพฯ ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมของ นปช.มาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา