พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ระบุว่า การที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงจะใช้ยุทธศาสตร์ "ตาต่อตา เต็นท์ต่อเต็นท์" ในการขอตรวจค้นจุดตรวจของทหารที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นคงไม่สามารถทำได้ และยังไม่ขอตอบว่าเป็นการผิดกฎหมายหรือไม่ หากผู้ชุมนุมดำเนินการเช่นนั้นจริง
ทั้งนี้ขอหารือร่วมกับคณะกรรมการของ ศอ.รส.ก่อน แต่ยืนยันว่าทหารจะไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน รวมทั้งไม่มีการซ่องสุมกำลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการยืนยันมาตลอดว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ชุมนุมจะทำโดยปราศจากอาวุธ มีเพียงการใช่โล่และกระบองเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แกนนำหรือบุคคลใดก็ตามไม่สามารถจะตรวจค้นอาวุธของเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถทำโดยการสังเกตการณ์ได้อยู่แล้ว เพราะการตั้งจุดตรวจในแต่ละพื้นที่กระทำอย่างเปิดเผย รวมถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะตั้งเต็นท์ประกบกับเจ้าหน้าที่ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะควรมีระยะห่างระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
"กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการจะตรวจค้นอาวุธของเจ้าหน้าที่ ผมเรียนให้ทราบว่าไม่มีบ้านเมืองไหนที่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจค้นภายในพื้นที่ในการตั้งจุดตรวจ สายตรวจ หรือแม้กระทั่งเต็นท์รักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่" พ.อ.สรรเสริญ ระบุ
นอกจากนี้ ศอ.รส.ได้ปรับแนวทางใหม่ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการรักษาความปลอดภัย โดยจะให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยประจำสถานที่ราชการ และประจำหน่วยทหารต่างๆ สามารถติดอาวุธเพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ได้ ส่วนบริเวณจุดตรวจและสายตรวจต่างๆ จะให้เฉพาะผู้บังคับหน่วยสามารถถืออาวุธได้เท่านั้น ขณะที่ระดับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่มีการติดอาวุธ
โฆษกศอ.รส. ระบุว่า แนวทางนี้จะสามารถใช้อาวุธตอบโต้ได้เฉพาะเกิดกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โดยใช้เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากการคุกคามที่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้รับอนุญาตในการติดอาวุธจะมีเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แสดงไว้ชัดเจน และผู้บังคับหน่วยจะเป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในแต่ละจุดนั้น
สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับแนวทางใหม่ในการดูแลรักษาความปลอดภัย เนื่องจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการลอบก่อเหตุยิงระเบิดโดยมีสถานที่ราชการเป็นเป้าหมายสำคัญ เช่น กระทรวงกลาโหม และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แห่งใหม่ที่จ.นนทบุรี ดังนั้นจึงต้องปรับแนวทางการทำงานให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น