นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงการตรวจพื้นที่ที่มีทหารมารายล้อมสถานที่ชุมนุม ปรากฎว่า ภายหลัง นปช.ประกาศว่าจะไปตรวจดูที่วัดตรีทศเทพนั้น ก็ได้มีการถอนกำลังทหารออกไปจากบริเวณดังกล่าว เหลือแค่เพียง 10 นายเท่านั้น
ทั้งนี้ นปช.จะปรับโดยจะไปดู 4 จุด คือ วัดโสมนัส นางเลิ้ง วัดมกุฎกษัตริย์ฯ และสะพานเทวกรรม เพื่อดูว่ากำลังทหารที่มาควบคุมในพื้นที่มีการเตรียมการเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ นอกเหนือจากที่ ศอ.รส.ประกาศว่าจะใช้เพียงโล่และกระบองเท่านั้น
ด้าน น.พ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำนปช. กล่าวว่า การไปขอดูอาวุธเป็นการใช้สิทธิของประชาชนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเท่านั้น ดังนั้น หากบริสุทธ์ใจขอให้ทหารแสดงความจริงใจ โดยจะไม่บุกรุกแต่จะประสานกับหัวหน้าหน่วยเพื่อให้แสดงความบริสุทธ์ใจว่าไม่มีอาวุธที่รัฐบาลเตรียมการไว้เข่นฆ่าประชาชน
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธ์ กล่าวว่า การดำเนินการตรวจสอบที่พักทหารที่อยู่โดยรอบครั้งนี้จะบอกก่อนล่วงหน้า แต่ในโอกาสต่อๆ ไปจะไม่มีการบอกกล่าวอีกแล้ว แต่จะจู่โจมทันทีเพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงว่ามีการเตรียมการเรื่องอาวุธหรือไม่
ส่วนเรื่องการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะจะต้องประกาศใช้เมื่อมีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอดเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยไม่มีเหตุผล จึงถือว่ามิชอบและการประกาศใช้ก็ต้องรายงานสภาฯ แต่ก่อนหน้านี้ที่มีการประกาศใช้ ไม่มีการรายงานต่อสภาฯเลยว่ามีเหตุผลอะไรที่ประกาศใช้ และผลของการประกาศใช้แล้วเป็นอย่างไร
สำหรับการเจรจา ยืนยันว่าจะเจรจากับนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้น และสาระสำคัญของการเจรจาคือ ให้ยุบสภา โดยพร้อมจะเจรจาอย่างเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน แต่หากไม่มีการเจรจาก็ขอให้ปิดการเจรจาไปเลย ไม่มีการเจรจาอีกแล้ว
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กลุ่มผู้ชุมนุมแดงทั้งแผ่นดิน จะไม่มีการปกปิดใบหน้าอย่างเด็ดขาด เชื่อว่ามีขบวนการที่จะไปก่อกวน อำพรางตัวเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เช่นเดียวกับที่มีเหตุการณ์บนรถไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความเกลียดชัง